คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นนิติบุคคลมีสำนักงานอยู่แน่นอน เจ้าพนักงานศาลได้ปิดหมายเรียกและสำเนาฟ้องที่สำนักงานของจำเลยจนครบ 23 วัน ดังนี้ถือว่าจำเลยทราบนัด เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และศาลเห็นว่าการขาดนัดของจำเลยในกรณีนี้ไม่มีเหตุอันสมควรแล้ว ศาลก็ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง โดยมิต้องรอไต่สวนตาม มาตรา 198 วรรคสาม ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเท่าค่าเช่าเดือนละ 200 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะออก

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลแขวงพระนครใต้จึงนัดพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกเลขที่307-309 และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 200 บาทตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไป

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ข้อที่จำเลยฎีกาว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ไม่ยอมให้จำเลยยื่นคำให้การโดยไม่มีการไต่สวนให้ได้ความว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเสียก่อนนั้นศาลฎีกาเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีการไต่สวนดังฎีกาของจำเลยเพราะจำเลยเป็นนิติบุคคลมีสำนักงานอยู่แน่นอน เจ้าพนักงานศาลได้ปิดหมายเรียกและสำเนาฟ้องที่สำนักงานของจำเลยครบ 23 วันจึงต้องถือว่าจำเลยทราบแล้ว แม้จะไต่สวนได้ความว่าคนในสำนักงานของจำเลยไม่เข้าใจในทางคดีหรือว่านายเจียกลี ไปทำการค้าอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ดังคำร้องของจำเลยจริง ก็เห็นว่าการขาดนัดของจำเลยในคดีนี้ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสองส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์มีหน้าที่จะต้องสืบหรือแสดงให้ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้เช่าตึกแถวของโจทก์ จำเลยเป็นคู่สัญญากับโจทก์นั้น ฎีกาของจำเลยข้อนี้ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยเป็นผู้เช่า และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์เพราะเป็นคดีมโนสาเร่ จำเลยกลับฎีกาขึ้นมาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้นอีกศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share