คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5231/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าไปในสวนผักของโจทก์ร่วมโดยเจตนาที่จะสอบถามเรื่องราวที่อ. บุตรโจทก์ร่วมท้าชกแล้วจึงเกิดการวิวาทต่อสู้กันยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือเจตนาเพื่อกระทำการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในสวนซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ของนายศิริผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำทำร้าย และให้อาวุธมีดปลายแหลมที่มีติดตัวจะแทงทำร้ายนายอร่าม บุตรผู้เสียหายอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุขขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา 362, 365
จำเลย ให้การ ปฎิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายศิริ ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365 จำคุก 1 ปี
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ และ โจทก์ร่วม ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้เข้าไปในสวนผักซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วม มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมว่าจำเลยกระทำความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365 หรือไม่ ซึ่งตามมาตรา 362 บัญญัติว่า “ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุขต้องระวางโทษ” จะเห็นได้ว่าผู้ที่เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นจะมีความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าวก็ต่อเมื่อมีเจตนาเข้าไปเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือมีเจตนาเพื่อกระทำการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น คดีนี้ได้ความจากคำเบิกความของนางสุจิราและนางเพ็ญศรีพยานโจทก์ว่า เมื่อจำเลยเข้าไปในส่วนผักแล้วได้สอบถามนายอร่ามซึ่งมีชื่อเล่นว่าเปี๊ยกบุตรโจทก์ร่วมว่า “เปี๊ยกมึงท้ากูทำไม กูจะฆ่ามึง” หลังจากนั้นจำเลยและนายอร่ามก็เกิดทะเลาะวิวาทและกอดปล้ำต่อสู้กันจึงเจือสมกับที่จำเลยนำสืบว่า ก่อนที่จำเลยจะเข้าไปในสวนผักนั้นได้พบกับนายอร่าม นายอร่ามได้พูดท้าจำเลยชกกัน หลังจากจำเลยดื่มน้ำแล้วจำเลยจึงเข้าไปในส่วนผักและเกิดโต้เถียงกับนายอร่าม ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยเข้าไปในสวนผักก็โดยเจตนาที่จะสอบถามเรื่องราวที่นายอร่ามท้าชก แล้วจึงเกิดการวิวาทต่อสู้กันยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือเจตนาเพื่อกระทำการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกตามบทกฎหมายดังกล่าว
พิพากษายืน

Share