คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5213/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำวินิจฉัยของศาลแรรงานกลางที่ว่า คดียังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ถอดฝาครอบหลอดแก้ว หรือมีส่วนร่วมกับผู้อื่นถอดฝาครอบหลอดแก้ว หรือเป็นผู้ข่มขู่พนักงานที่ไม่ได้ร่วมนัดหยุดงานนั้น หมายความว่าไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะไม่ไว้วางใจผู้คัดค้าน ทั้งไม่เชื่อว่าผู้คัดค้านจะไม่สามารถทำงานร่วมกับลูกจ้างอื่น เป็นคำวินิจฉัยที่ตรงตามประเด็นแห่งคดีซึ่งกำหนดไว้ว่า มีเหตุที่ศาลจะอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านหรือไม่แล้ว
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ตามพฤติการณ์ต่าง ๆ คดียังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ถอดฝาครอบหลอดแก้ว หรือมีส่วนร่วมกับผู้อื่นถอดฝาครอบหลอดแก้วดังกล่าว และการที่ผู้คัดค้านเข้าร่วมกับพวกนัดหยุดงานก็เป็นการนัดหยุดงานโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าคดีมีประเด็นที่จะต้องพิเคราะห์เหตุแห่งการเลิกจ้างว่ามีเหตุผลอันสมควรและเพียงพอที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้หรือไม่ ซึ่งเหตุดังกล่าวไม่จำต้องถึงขนาดที่ผู้ร้องสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาด ไทย ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47 นั้น เป็นการอุทธรณ์โต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานถึงเหตุและพฤติการณ์เกี่ยวกับการที่ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้าน อันเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 94

ย่อยาว

มูลกรณีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านเป็นลูกจ้างของผู้ร้องและเป็นกรรมการลูกจ้างกับเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานผลิตภัณฑ์เยื่อและกระดาษสยาม ต่อมามีการนัดหยุดงานเป็นเหตุให้พนักงานเกิดการแตกแยกเป็น ๒ ฝ่าย หลังจากการนัดหยุดงานสิ้นสุดลงแล้ว ผู้ร้องได้มอบหมายให้พนักงานที่นัดหยุดงานเข้าปฏิบัติงาน แต่ผู้ร้องไม่สามารถมอบหมายงานให้ผู้คัดค้านทำได้จึงขออนุญาตเลิกจ้างผู้คัดค้าน โดยผู้ร้องยินยอมจ่ายเงินตามสิทธิที่พึงได้ตามระเบียบของผู้ร้องและจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแก่ผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ข้ออ้างของผู้ร้องยังไม่มีเหตุที่ศาลจะอนุญาตให้เลิกจ้างผู้คัดค้าน มีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ผู้ร้องอุทธรณ์อย่างยืดยาวและค่อนข้างสับสนพอสรุปสาระสำคัญได้ว่า คดีมีประเด็นที่จะต้องพิเคราะห์เหตุแห่งการเลิกจ้างของผู้ร้องว่ามีเหตุผลอันสมควรและเพียงพอที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้หรือไม่ซึ่งเหตุดังกล่าวไม่จำต้องถึงขนาดที่ผู้ร้องสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๔๗ สำหรับกรณีของผู้ร้องได้ความตามคำนายวิบูลย์และนายมงคลพยานของผู้ร้องว่าในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ เวลา ๑๘ นาฬิกา พยานได้ตรวจพบว่าฝาครอบหลอดแก้วสำหรับตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องของเครื่องป้อนชานอ้อยถูกถอดออกและฝา ครอบหายไป ทำให้น้ำมันเครื่องไหลลงพื้นประมาณ ๑๒ ลิตร จากการตรวจสอบระยะเวลาการไหลของน้ำมันเครื่องดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ ๑๔ ชั่วโมง ซึ่งอยู่ในกะที่ผู้คัดค้านทำงานที่ชั้น ๔ บริเวณที่ฝาครอบหลอดแก้วถูกถอดไป ได้ความจากนายมนตรีหัวหน้ากะของผู้คัดค้านว่าในกะที่ผู้คัดค้านทำงานในช่วงเวลาที่ฝาครอบหลอดแก้วดังกล่าวถูกถอดไปนั้น ได้ขึ้นมาตรวจงานที่บริเวณชั้น ๔ ไม่เห็นผู้คัดค้านนั่งอยู่ในห้องทำงาน ทั้งยังได้ความจากนายไพบูลย์และนายกิตติพยานของผู้ร้องอีกว่า หลังจากการนัดหยุดงานยุติแล้วผู้ร้องและบริษัทในเครืออีก ๒ บริษัทได้ทะยอยรับพนักงานที่นัดหยุดงานกลับเข้าทำงาน ที่รับมาเป็นรุ่นแรกไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ที่รับเข้ามาเป็นรุ่นที่ ๒ ปรากฏว่ามีปัญหากระทบกระทั่งระหว่างพนักงานที่นัดหยุดงานกับพวกที่ไม่ได้นัดหยุดงานโดยกลุ่มที่นัดหยุดงานเปรียบเปรยว่า พวกที่ไม่ได้นัดหยุดงานเป็นสุนัขรับใช้และพูดเรื่องอื่น ๆ ในทำนองก้าวร้าวเมื่อสอบถามความเห็นแล้วพนักงานที่ลงมติ ๘๖ คน มีมติไม่ให้รับผู้คัดค้านกับพวกกลับเข้าทำงาน ๘๐ เสียง กรณีจึงมีเหตุผลสมควรและเพียงพอที่ผู้ร้องจะไม่ไว้วางใจผู้คัดค้าน ไม่สามารถให้ผู้คัดค้านทำงานกับผู้ร้องต่อไปได้จึงชอบที่จะขออนุญาตเลิกจ้างได้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าปัญหาที่ผู้ร้องอุทธรณ์ขึ้นมานี้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ตามพฤติการณ์ต่าง ๆ คดียังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ถอดฝาครอบหลอดแก้ว หรือมีส่วนร่วมกับผู้อื่นถอดฝาครอบหลอดแก้วดังกล่าวโดยศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยด้วยว่า การที่ผู้คัดค้านเข้าร่วมกับพวกนัดหยุดงานก็เป็นการนัดหยุดงานโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องจะอ้างว่าผู้คัดค้านไม่สามารถทำงานร่วมกับลูกจ้างที่มิได้ร่วมนัดหยุดงานอีกต่อไป เพราะระหว่างมีการนัดหยุดงานนั้น คนงานที่นัดหยุดงานได้ตะโกนข่มขู่คนงานที่มิได้นัดหยุดงาน ซึ่งก็ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ตะโกนหรือเป็นผู้ข่มขู่ลูกจ้างดังกล่าวแต่อย่างใด ข้ออ้างของผู้ร้องยังไม่มีเหตุที่ศาลจะอนุญาตให้เลิกจ้างผู้คัดค้านได้ เหตุนี้ศาลฎีกาเห็นว่าอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นเรื่องโต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานถึงเหตุและพฤติการณ์เกี่ยวกับการที่ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านอันเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดี แรงงาน พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๕๔ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าผู้ร้องอ้างเหตุแห่งการเลิกจ้างว่า ผู้ร้องไม่มีความไว้วางใจและไม่สามารถจะให้ผู้คัดค้านทำงานกับผู้ร้องต่อไปได้เพราะในช่วงเวลาที่ผู้คัดค้านเข้ากะทำงานได้มีการถอดเครื่องอุปกรณ์ของเครื่องป้อนชานอ้อยของผู้ร้อง เพื่อให้เครื่องจักรเสียหายและผู้ร้องได้สำรวจความเห็นของพนักงานกลุ่มที่ไม่ได้นัดหยุดงานแล้ว พนักงานมีความเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่ว่าไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้คัดค้านได้ ไม่ได้อ้างเหตุว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ถอดฝาครอบหลอดแก้วของเครื่องป้อนชานอ้อยหรือมีส่วนร่วมกับผู้อื่นถอดฝาครอบหลอดแก้ว หรือเป็นผู้ข่มขู่พนักงานที่ไม่ได้ร่วมนัดหยุดงาน คำสั่งของศาลแรงงานกลางจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ เพราะมิได้วินิจฉัยเหตุแห่งการเลิกจ้างให้ตรงตามประเด็นแห่งคดีนั้น เห็นว่า ตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางตามที่กล่าวข้างต้นก็หมายความว่า ไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะไม่ไว้วางใจผู้คัดค้านทั้งไม่เชื่อว่าผู้คัดค้านจะไม่สามารถทำงานร่วมกับลูกจ้างอื่นนั่นเอง ศาลแรงงานจึงวินิจฉัยตรงตามประเด็นแห่งคดีที่กำหนดไว้ว่า มีเหตุที่ศาลจะอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านหรือไม่แล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share