แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 แถลงรับแต่เพียงว่าได้มีการลงข้อความประกาศโฆษณาตามที่โจทก์อ้างในฟ้องในหนังสือพิมพ์จริงเท่านั้น มิได้ยอมรับว่าเป็นผู้ให้ข่าวนั้นแก่หนังสือพิมพ์ หรือได้ร่วมกับจำเลยที่ 2และที่ 3 ลงข่าวดังกล่าวเพื่อใส่ความโจทก์ เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 สมคบกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ลงข่าวในหนังสือพิมพ์ใส่ความโจทก์และจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ โจทก์มีหน้าที่จะต้องนำสืบพิสูจน์และนำข้อเท็จจริงมาสู่ศาลเพื่อให้ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดตามฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นกรรมการของบริษัทยูนิบราเดอร์จำกัด และเป็นผู้ให้ข่าวแก่หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับพิพาท จำเลยที่ ๒ เป็นบรรณาธิการ ควบคุมบทประพันธ์ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษรา จำเลยที่ ๓ เป็นบรรณาธิการข่าว ผู้ควบคุมข่าวของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันลงข่าวประกาศโฆษณาใส่ความโจทก์และบริษัทจิ้วฮวด จำกัด ซึ่งมีอาชีพเป็นพ่อค้านักธุรกิจได้ร่วมกันฉ้อฉลกระทำผิดกฎหมายผิดสัญญาต่อบริษัทยูนิบราเดิร์ จำกัด ไม่ยอมนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทจิ้วฮวด จำกัด ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการผู้มีอำนาจส่งมอบให้แก่บริษัทยูนิบราเดอร์ จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายตามสัญญาจัดจำหน่าย ทั้ง ๆ ที่สัญญายังเหลือระยะเวลาอีก ๑ ปี และโจทก์เป็นบุคคลเจ้าเล่ห์ที่ฉกฉวยเอาแต่ประโยชน์โดยการชักจูงพนักงานของบริษัทยูนิบราเดอร์ จำกัด มาทำงานอยู่กับบริษัทจิ้วฮวด จำกัดโดยการให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นจากเดิม ๕๐ เปอร์เซ็นต์ และแจกรถยนต์เก๋งให้อีก และโจทก์กับบริษัทจิ้วฮวด จำกัด มีฐานะการเงินไม่ดีจ่ายเช็คเด้งในวงเงิน ๑๐ ล้านบาท จนถูกบริษัทยูนิบราเดอร์ จำกัดฟ้องต่อศาล บทความโฆษณาดังกล่าวไม่เป็นความจริงทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๘๓, ๙๑, ๓๒๖, ๓๒๘, ๓๓๒ ให้ยึดและทำลายข้อความในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันโฆษณาคำพิพากษาของศาลทั้งหมดในหนังสือพิมพ์ของจำเลยที่ ๒ และในหนังสือพิมพ์อีก ๔ ฉบับมีกำหนด ๑๕ วัน โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าโฆษณาทั้งหมด
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ ๑ แถลงรับว่าได้มีการลงข้อความประกาศโฆษณาตามที่โจทก์อ้างในฟ้องในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวจริง โจทก์จึงไม่ติดใจสืบพยานโจทก์ ต่อมาทนายจำเลยที่ ๑ แถลงว่าจำเลยที่ ๑ ยืนยันให้การปฏิเสธแต่ไม่ติดใจเบิกความเป็นพยานของตนหมดพยานจำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๖ ประกอบด้วยมาตรา ๓๒๘ จำคุก ๑ ปี และปรับ ๒,๐๐๐ บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน ให้ยึดและทำลายหนังสือพิมพ์ที่มีข้อความหมิ่นประมาท และให้จำเลยที่ ๑ โฆษณาคำพิพากษาของศาลตามคำขอของโจทก์
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่๒๙ ธันวาคม ๒๕๒๙ จำเลยที่ ๑ แถลงรับแต่เพียงว่าได้มีการลงข้อความประกาศโฆษณาตามที่โจทก์อ้างในฟ้องในหนังสือพิมพ์มาตุภูมิธุรกิจเอกสารหมาย จ.๑ จริงเท่านั้น จำเลยที่ ๑ มิได้ยอมรับว่าเป็นผู้ให้ข่าวนั้นหรือได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ลงข่าวดังกล่าวเพื่อใส่ความโจทก์ เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ได้สมคบกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ลงข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวใส่ความโจทก์และจำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ โจทก์ก็มีหน้าที่จะต้องนำสืบพิสูจน์และนำข้อเท็จจริงให้มาสู่ศาลเพื่อให้ฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ได้กระทำความผิดตามฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์ตามฟ้อง
พิพากษายืน.