แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามเช็คจำนวน 1,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย แม้เป็นคดีแพ่งสามัญแต่เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีโจทก์เป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยาก และสั่งให้นำบทบัญญัติ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่ใช้บังคับแก่คดีแล้ว ก็ต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่ เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณา โดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาล ซึ่งตามบทบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่ มิได้บัญญัติให้ถือว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณา จึงไม่อาจมีการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดี ฝ่ายเดียวดังกรณีโจทก์ขาดนัดพิจารณาในคดีแพ่งสามัญได้ จึงถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์เสียจากสารบบความ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 196 วรรคสอง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๒ ร่วมกับจำเลยที่ ๑ รับผิดใช้เงินตามเช็ค จำนวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ที่จำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่ายพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นแก่โจทก์ ศาลเห็นในเบื้องต้นว่าเป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยากจึงให้นำบทบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณา คดีมโนสาเร่มาใช้บังคับแก่คดี โดยออกหมายเรียกไปยังจำเลยทั้งสองให้จำเลยทั้งสองมาศาลและให้การแก้ข้อหาแห่งคดีในวันนัดพิจารณา
ในวันนัดพิจารณา จำเลยทั้งสองมาศาลยื่นคำให้การและยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณา ส่วนโจทก์ได้ทราบ คำสั่งให้มาศาลแล้วไม่มาในวันนัดพิจารณาโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลให้ศาลทราบ ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ
วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ โจทก์ยื่นคำร้องว่าไม่มีเจตนาหรือจงใจขาดนัดไม่มาศาลตามกำหนด ขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๔๓ ว่า กรณีโจทก์ขอพิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ ชอบที่จะเสนอคำฟ้อง ของตนใหม่ ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้คดีโจทก์จะเป็นคดีแพ่งสามัญ แต่เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีโจทก์เป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยากและสั่งให้นำบทบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่ใช้บังคับแก่คดีแล้ว ก็ต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่ ซึ่งตามบทบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่มิได้บัญญัติให้ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา จึงไม่อาจมีการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีฝ่ายเดียวดังกรณีโจทก์ขาดนัดพิจารณาในคดีแพ่งสามัญได้ คำสั่งศาลชั้นต้นจึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา ๑๙๖ วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งและคำพิพากษามานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน