คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข8และ9เป็นเอกสารปลอมจึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้คัดค้านการนำเอกสารนั้นมาสืบโดยเหตุที่ว่าต้นฉบับปลอมทั้งฉบับก่อนวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา125วรรคสองแล้วและมีสิทธิคัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงของเอกสารนั้นหรือความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารนั้นได้ เมื่อจำเลยที่1ใช้บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสของโจทก์แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าและบริการแต่ละครั้งจะมีการทำเอกสารชุดละ3แผ่นร้านค้าเก็บไว้1แผ่นมอบให้จำเลยที่1เก็บไว้1แผ่นและส่งมาเรียกเก็บเงินจากโจทก์1แผ่นซึ่งโจทก์จะนำไปถ่ายเป็นไมโครฟิล์มไว้แล้วส่งหลักฐานที่ร้านค้าส่งมาให้โจทก์ไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยที่1พร้อมใบแจ้งหนี้จึงไม่มีต้นฉบับหรือสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรดังกล่าวอยู่ที่โจทก์เมื่อโจทก์อ้างว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรอยู่ที่จำเลยทั้งสองแต่จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข9ซึ่งตรงกับสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเอกสารหมายจ.8เป็นเอกสารปลอมจึงเท่ากับจำเลยทั้งสองไม่รับว่าต้นฉบับใบบันทึกการใช้บัตรหรือใบบันทึกค่าสินค้าและบริการดังกล่าวอยู่ที่จำเลยทั้งสองถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารใบบันทึกค่าสินค้าและบริการมาได้เมื่อเอกสารหมายจ.8เป็นสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการซึ่งเป็นภาพถ่ายจากไมโครฟิล์มที่โจทก์ถ่ายจากสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่1ที่ร้านค้าส่งไปเรียกเก็บเงินจากโจทก์เอกสารหมายจ.8จึงเป็นสำเนาที่ถูกต้องของต้นฉบับเอกสารศาลมีอำนาจรับฟังเอกสารหมายจ.8ซึ่งเป็นสำเนาเอกสารเป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93(2) จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาใบบันทึกการใช้บัตรเป็นค่าสินค้าและบริการของจำเลยที่2และสำเนาใบบันทึกการเบิกเงินสดของจำเลยที่2พร้อมกับฟ้องแล้วแต่จำเลยทั้งสองไม่ได้โต้แย้งคัดค้านการนำเอกสารมาสืบก่อนวันสืบพยานโดยเหตุว่าไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วนหรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับและไม่ได้ขออนุญาตคัดค้านในภายหลังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาจึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ยอมรับถึงการมีอยู่ของต้นฉบับและความแท้จริงของต้นฉบับเอกสารนั้นรวมทั้งยอมรับว่าสำเนานั้นตรงกับต้นฉบับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา125แล้วศาลจึงมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานแทนต้นฉบับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93(1)

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ ออก บัตร อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ให้ แก่ จำเลย ที่ 1และ บัตร เสริม ให้ แก่ จำเลย ที่ 2 เพื่อ ใช้ แทน เงินสด ใน การ ซื้อ สินค้าและ บริการ ตลอดจน เบิกเงิน สด จาก สถาน ประกอบ กิจการ ค้า ที่ เป็นสมาชิก ของ โจทก์ โดย โจทก์ จะ เป็น ผู้ออกเงิน ทดรองจ่าย แทน จำเลย ทั้ง สองให้ แก่ สถาน ประกอบ กิจการ ค้า ต่าง ๆ ไป ก่อน ตาม ที่ จำเลย ทั้ง สองนำ บัตร ที่ โจทก์ ออก ให้ ไป ใช้ จำเลย ทั้ง สอง ตกลง ร่วมกัน รับผิด ต่อ โจทก์ใน หนี้ ที่ เกิดขึ้น อย่าง ลูกหนี้ ร่วม โดย ต้อง ชำระ เงิน ที่ โจทก์เรียกเก็บ ทั้งหมด ให้ แก่ โจทก์ ทันที หาก ไม่ชำระ โจทก์ มีสิทธิ เรียกค่าทดแทน การ ออก เงินทุน เพิ่ม ใน อัตรา ร้อยละ 1 ต่อ เดือน และ ค่าปรับเพื่อ ทดแทน ค่าใช้จ่าย จาก การ เรียกเก็บเงิน ใน อัตรา ร้อยละ 2.5 ต่อ เดือนใน ต้นเงิน ที่ ยัง คง ค้างชำระ นับแต่ วัน ผิดนัด เป็นต้น ไป จำเลย ที่ 1นำ บัตร ที่ โจทก์ ออก ให้ ไป ใช้ 15 ครั้ง เป็น เงิน 1,231,071.14 บาทตาม สำเนา ใบ รายการ ใช้ บัตร และ สำเนา ใบ บันทึก ค่าสินค้า และ บริการเอกสาร ท้ายฟ้อง หมายเลข 8 และ 9 และ จำเลย ที่ 2 นำ บัตร ที่ โจทก์ออก ให้ ไป ใช้ 8 ครั้ง เป็น เงิน 33,605.25 บาท รวมเป็น เงิน ที่ โจทก์ได้ ออก ทดรองจ่าย แทน จำเลย ทั้ง สอง 1,264,676.39 บาท จำเลย ที่ 1ชำระ เงิน ให้ โจทก์ จำนวน 500,000 บาท แล้ว จำเลย ทั้ง สอง ไม่ยอมชำระ เงิน ให้ โจทก์ อีก ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ชำระ เงิน1,033,912.39 บาท ให้ แก่ โจทก์ พร้อม ค่าทดแทน การ ออก เงินทุน เพิ่มใน อัตรา ร้อยละ 1 ต่อ เดือน และ ค่าปรับ เพื่อ ทดแทน ค่าใช้จ่าย จาก การเรียกเก็บเงิน ใน อัตรา ร้อยละ 2.5 ต่อ เดือน จาก ต้นเงิน 934,938.39 บาทนับ ถัด จาก วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ว่า จำเลย ทั้ง สอง ไม่ได้ ใช้ บัตร ของ โจทก์แทน เงินสด ใน การ ซื้อ สินค้า และ บริการ เอกสาร ท้ายฟ้อง หมายเลข 8 และ 9เป็น เอกสารปลอม ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ เงิน จำนวน 934,938.39 บาทพร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี ของ ต้นเงิน ดังกล่าว นับแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2535 เป็นต้น ไป จนกว่า ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ให้ จำเลย ที่ 2 ร่วมรับผิด กับ จำเลย ที่ 1 ชำระหนี้ ข้างต้น ใน จำนวนเงิน33,605.25 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี ของ ต้นเงินดังกล่าว นับแต่ วันที่ 30 ธันวาคม 2535 เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จแก่ โจทก์ คำขอ นอกจาก นี้ ให้ยก
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ข้อเท็จจริง ฟังได้ เป็น ยุติ ว่า จำเลย ที่ 1เป็น สมาชิก บัตร ทอง อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ของ โจทก์ และ จำเลย ที่ 2เป็น สมาชิก บัตร เสริม อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ของ โจทก์ คดี มี ปัญหา ต้องวินิจฉัย เป็น ข้อ แรก ตาม ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สอง ว่า ศาล ไม่อาจ รับฟังสำเนา ใบ บันทึก ค่าสินค้า และ บริการ เอกสาร หมาย จ. 8 และ จ. 10กับ สำเนา ใบ บันทึก การ เบิกเงิน สด เอกสาร หมาย จ. 11 เป็น พยานหลักฐานหรือไม่ สำหรับ เอกสาร หมาย จ. 8 ซึ่ง เป็น สำเนา ใบ บันทึก การ ใช้ บัตรหรือ ใบ บันทึก ค่าสินค้า และ บริการ ของ จำเลย ที่ 1 และ ตรง กับ สำเนาใบ บันทึก ค่าสินค้า และ บริการ เอกสาร ท้ายฟ้อง หมายเลข 9 นั้นจำเลย ทั้ง สอง ได้ ให้การ ต่อสู้ ไว้ แล้ว ว่า สำเนา เอกสาร ท้ายฟ้องหมายเลข 8 และ 9 เป็น เอกสารปลอม จึง เป็น กรณี ที่ จำเลย ทั้ง สองได้ คัดค้าน การ นำ เอกสาร นั้น มา สืบ โดย เหตุ ที่ ว่า ต้นฉบับ นั้น ปลอมทั้ง ฉบับ ก่อน วันสืบพยาน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 125 วรรคสอง แล้ว และ มีสิทธิ คัดค้าน การ มี อยู่ และ ความ แท้จริงของ เอกสาร นั้น หรือ ความ ถูกต้อง แห่ง สำเนา เอกสาร นั้น ได้ แต่เมื่อได้ความ จาก จำเลย ที่ 1 ว่า ใน การ ใช้ บัตร แต่ละ ครั้ง จะ มี การ ทำเอกสาร ชุด ละ 3 แผ่น โดย ร้านค้า จะ มอบ แผ่น สุดท้าย ซึ่ง เป็น สำเนาให้ จำเลย ที่ 1 เก็บ ไว้ ตรวจสอบ และ จะ ส่ง ต้นฉบับ ไป เก็บ เงิน จาก โจทก์และ ได้ความ จาก ผู้รับมอบอำนาจ โจทก์ ว่า โจทก์ ไม่มี ทั้ง ต้นฉบับและ สำเนา ใบ บันทึก การ ใช้ บัตร อยู่ ใน ความ ครอบครอง เพราะ ต้นฉบับใบ บันทึก การ ใช้ บัตร นั้น อยู่ ที่ จำเลย ร้านค้า เก็บ สำเนา ไว้ 1 แผ่นและ ส่ง สำเนา อีก 1 แผ่น มา เรียกเก็บเงิน จาก โจทก์ ซึ่ง โจทก์ จะ นำไป ถ่าย เป็น ไมโครฟิล์ม ไว้ ตาม ภาพถ่าย เอกสาร หมาย จ. 8 และ โจทก์จะ ส่ง หลักฐาน สำเนา ที่ ร้านค้า ส่ง มา นั้น ไป เรียกเก็บเงิน จาก จำเลยโดย แนบ ไป พร้อม กับ ใบ แจ้ง หนี้ โดย จำเลย ทั้ง สอง มิได้ นำสืบ ปฏิเสธว่า โจทก์ ไม่ได้ ส่ง หลักฐาน ใบ บันทึก การ ใช้ บัตร ที่ ร้านค้า ส่ง มาเก็บ เงิน จาก โจทก์ ไป ให้ จำเลย โดย แนบ ไป พร้อม กับ ใบ แจ้ง หนี้ จึง ฟังได้โจทก์ ได้ ส่ง หลักฐาน ใบ บันทึก การ ใช้ บัตร ดังกล่าว ไป ให้ จำเลย ทั้ง สองเช่นนั้น แล้ว จึง ย่อม ไม่มี ต้นฉบับ หรือ สำเนา ใบ บันทึก การ ใช้ บัตรดังกล่าว อยู่ ที่ โจทก์ อีก ต่อไป และ ที่ โจทก์ อ้างว่า ต้นฉบับ ใบ บันทึกการ ใช้ บัตร อยู่ ที่ จำเลย ทั้ง สอง นั้น เมื่อ จำเลย ทั้ง สอง ได้ ให้การต่อสู้ ไว้ แล้ว ว่า สำเนา ใบ บันทึก การ ใช้ บัตร หรือ ใบ บันทึก ค่าสินค้าและ บริการ เอกสาร ท้ายฟ้อง หมายเลข 9 ซึ่ง ตรง กับ สำเนา ใบ บันทึกการ ใช้ บัตร เอกสาร หมาย จ. 8 เป็น เอกสารปลอม จึง เท่ากับ ว่า จำเลย ทั้ง สองไม่รับ ว่า ต้นฉบับ ใบ บันทึก การ ใช้ บัตร หรือ ใบ บันทึก ค่าสินค้า และ บริการดังกล่าว อยู่ ที่ จำเลย ทั้ง สอง ถือได้ว่า เป็น กรณี ที่ โจทก์ ไม่สามารถนำ ต้นฉบับ เอกสาร ใบ บันทึก ค่าสินค้า และ บริการ มา ได้ ดังนั้น เมื่อได้ความ จาก คำเบิกความ ของ นาย สุภักดี พยานโจทก์ ว่า เอกสาร หมาย จ. 8เป็น สำเนา ใบ บันทึก การ ใช้ บัตร เป็น ค่าสินค้า และ บริการ ซึ่ง เป็นภาพถ่าย จาก ไมโครฟิล์ม ที่ โจทก์ ถ่าย จาก สำเนา ใบ บันทึก การ ใช้ บัตรเป็น ค่าสินค้า และ บริการ ของ จำเลย ที่ 1 ที่ ร้านค้า ส่ง ไป เรียกเก็บเงินจาก โจทก์ จึง ฟังได้ ว่า เอกสาร หมาย จ. 8 เป็น สำเนา ที่ ถูกต้องของ ต้นฉบับ เอกสาร และ ศาล มีอำนาจ รับฟัง เอกสาร หมาย จ. 8 ซึ่ง เป็นสำเนา เอกสาร เป็น พยานหลักฐาน ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93(2) สำหรับ สำเนา เอกสาร หมาย จ. 10 และ จ. 11 ซึ่ง เป็นสำเนา ใบ บันทึก การ ใช้ บัตร เป็น ค่าสินค้า และ บริการ และ สำเนา ใบ บันทึกการ เบิกเงิน สด ของ จำเลย ที่ 2 นั้น จำเลย ทั้งสอง ได้รับ สำเนา เอกสารดังกล่าว พร้อม กับ ฟ้อง แล้ว แต่ จำเลย ทั้ง สอง ไม่ได้ โต้แย้ง คัดค้าน กการ นำ เอกสาร มา สืบ ก่อน วันสืบพยาน โดย เหตุ ว่า ไม่มี ต้นฉบับ หรือต้นฉบับ นั้น ปลอม ทั้ง ฉบับ หรือ บางส่วน หรือ สำเนา นั้น ไม่ถูกต้องกับ ต้นฉบับ และ ไม่ได้ ขออนุญาต คัดค้าน ใน ภายหลัง ก่อน ศาลชั้นต้น พิพากษาจึง ถือได้ว่า จำเลย ทั้ง สอง ได้ ยอมรับ ถึง การ มี อยู่ ของ ต้นฉบับ และความ แท้จริง ของ ต้นฉบับ เอกสาร นั้น รวมทั้ง ยอมรับ ว่า สำเนา นั้นตรง กับ ต้นฉบับ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 แล้วใน ชั้นพิจารณา ศาล จึง ย่อม มีอำนาจ รับฟัง สำเนา เอกสาร ดังกล่าวเป็น พยานหลักฐาน แห่ง เอกสาร นั้น แทน ต้นฉบับ ได้ ตาม ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณา ความ แพ่ง มาตรา 93(1)
ส่วน ที่ จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา ว่า พยานหลักฐาน ของ โจทก์ รับฟัง ไม่ได้ว่า จำเลย ที่ 1 เป็น หนี้ โจทก์ ตาม ฟ้อง นั้น ใน ปัญหา นี้ ศาลฎีกาวินิจฉัย และ ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า จำเลย ที่ 1 ยัง เป็น หนี้ ต้นเงิน โจทก์จำนวน 934,938.39 บาท ตาม ฟ้อง
พิพากษายืน

Share