แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความชัดว่าจำเลยได้ใช้รถไถ 3 คันของกลางในการกระทำผิด อันอยู่ในข่ายควรริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 หรือต้องริบเสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 35 ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้ขอให้ริบของกลางรายนี้ ศาลจะสั่งริบไม่ได้เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคต้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันแผ้วถางก่อสร้างยึดถือที่ดินในป่าสงวนแห่งชาติป่าหนองโรง ในท้องที่ตำบลพนมทวน อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี อันเป็นป่าสงวนแห่งชาติเป็นเนื้อที่ 22 ไร่ เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยรถไถ 3 คัน อันเป็นเครื่องมือที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 5, 6, 14, 31 ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ที่แผ้วถาง ส่วนของกลางเห็นควรคืนให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ลงโทษจำคุก ให้จำเลยและบริวารออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ และให้ริบของกลาง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกาเฉพาะเรื่องริบของกลาง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสามได้กระทำผิดฐานแผ้วถาง ก่อสร้างและยึดที่ดินเนื้อที่ 22 ไร่ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติพ.ศ. 2507 เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยรถไถ 3 คันเป็นของกลาง และตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้คืนของกลางแก่เจ้าของ แล้ววินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความชัดว่าจำเลยได้ใช้รถไถ 3 คันของกลางในการกระทำผิด อันอยู่ในข่ายควรริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 หรือต้องริบเสียทั้งสิ้น ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 35 ก็ตาม แต่คดีนี้โจทก์มิได้ขอให้ริบของกลางรายนี้ โจทก์ขอเพียงว่าเห็นควรคืนของกลางแก่ผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น ฉะนั้น ศาลจะสั่งให้ริบไม่ได้เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคต้น ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2808/2516 คดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี โจทก์ นายรุ่ง แซ่ตั้ง จำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ริบรถไถ 3 คัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์