แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
งานที่จะได้รับความคุ้มครองในลักษณะของงานศิลปกรรมแม้กฎหมายจะไม่ได้มุ่งประสงค์ให้งานนั้นต้องมีคุณค่าทางศิลปะ แต่ก็ต้องเป็นงานที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยตนเอง (Originality) ในลักษณะที่ควรจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย มิใช่เป็นเพียงงาน (Work) ซึ่งทำขึ้นโดยทั่วไปเท่านั้น
ภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) ของโจทก์ทั้งสอง แม้จะมีความแตกต่างจากรูปประกายดาวของจำเลย แต่ความแตกต่างดังกล่าวยังเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยและไม่เป็นสาระสำคัญถึงขนาดที่จะเป็นงานสร้างสรรค์ (Original) อันควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
โจทก์ที่ 2 ได้ว่าจ้างให้บริษัท ด. เป็นผู้ออกแบบงาน โดยมี อ. เป็นผู้ดำเนินการ มีการปรับเปลี่ยนร่างหลายครั้งใช้เวลากว่า 5 เดือน จึงเป็นการสร้างงานดังกล่าวขึ้นด้วยตนเอง ภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์ที่สร้างขึ้นมีลักษณะเป็นโมเลกุลและแสดงออกถึงพลังและอานุภาพของเม็ดผงซักฟอกสีฟ้า แม้ภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์จะเป็นรูปทรงกลมอันเป็นรูปทรงเรขาคณิตทั่วไป แต่ก็เป็นงานสร้างสรรค์รูปทรงที่ประกอบด้วยเส้นและสี โดยไม่ได้ลอกเลียนหรือดัดแปลงมาจากงานที่มีอยู่เดิมจึงแสดงให้เห็นถึงความเป็นงานสร้างสรรค์ (Original) ที่สร้างขึ้นด้วยตนเอง จึงมีลักษณะเป็นงานศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรม อันได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
อ. เป็นผู้สร้างงานขึ้น โดยภาพวาดรูปมือในงานนั้นมีลักษณะของการจัดวางมือทั้งสองข้างที่จับอยู่บนเสื้อ ซึ่งเป็นงานสร้างสรรค์รูปทรงที่ประกอบด้วยเส้นและสี เมื่อไม่เป็นการลอกเลียนหรือดัดแปลงมาจากงานที่มีอยู่เดิม ย่อมแสดงให้เห็นถึงความเป็นงานสร้างสรรค์ (Original) ที่สร้างขึ้นด้วยตนเอง จึงมีลักษณะเป็นงานศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรม อันได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 แม้ต่อมาจะมีการนำงานนี้ไปใช้ในทางการค้าก็ไม่เป็นเหตุขาดคุณสมบัติที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้อความที่ว่า “สูตรมาตรฐาน สำหรับซักมือ” เป็นเพียงคำสามัญทั่วไปที่ระบุถึงคุณสมบัติของสินค้ามากกว่าที่จะสร้างคำบรรยายดังกล่าวในแง่ของงานศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรมในตัวเอง จึงไม่อาจได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย แม้ อ. นำมาใช้ประกอบกับภาพวาดรูปมือและประสงค์จะใช้เป็นงานชิ้นเดียวกัน แต่ก็เห็นได้ว่า ในการสร้างงานขึ้นมานี้ ภาพวาดกับคำบรรยายดังกล่าวสามารถแยกส่วนออกจากกันได้อย่างชัดเจน ในส่วนของคำบรรยายจึงไม่ได้รับความคุ้มครองในลักษณะของงานศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรมทั้งภาพ
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4 บัญญัติว่า “งานศิลปประยุกต์ ได้แก่ งานที่นำเอางานตาม (1) ถึง (6) อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกันไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น นอกเหนือจากการชื่นชมในคุณค่าของตัวงานดังกล่าวนั้น เช่น นำไปใช้สอย นำไปตกแต่งวัสดุหรือสิ่งของอันเป็นเครื่องใช้ หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้า” วัตถุประสงค์ของการให้ความคุ้มครองงานศิลปประยุกต์จึงหมายถึงการนำงานศิลปกรรมลักษณะงานต่าง ๆ มาใช้ในลักษณะที่เกิดประโยชน์อย่างอื่น นอกเหนือจากการชื่นชมในคุณค่าของตัวงานดังกล่าว เมื่อภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์กับภาพวาดรูปมือเป็นงานศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรม และถูกนำไปใช้ประกอบกันบนซองบรรจุภัณฑ์ เพื่อประกอบเครื่องหมายการค้า ภาพและข้อความอื่น ๆ อันเป็นการนำเอางานศิลปกรรมไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้า การออกแบบซองบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวจึงเป็นงานศิลปประยุกต์
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดตามกฎหมายประเทศเนเธอร์แลนด์ โจทก์ที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด และเป็นเจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทศิลปกรรมภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) ภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์ ภาพวาด และภาพประกอบต่าง ๆ รวมทั้งยังเป็นเจ้าของรูป รอยประดิษฐ์ และคำบรรยายที่ใช้ในทางการค้าโจทก์ที่ 2 อนุญาตให้โจทก์ที่ 1 นำภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) มาใช้เป็นภาคส่วนของเครื่องหมายการค้าตามทะเบียนเลขที่ ค 148931 และ ค 148932 เพื่อประโยชน์ทางการค้า โจทก์ทั้งสองร่วมกันนำงานอันมีลิขสิทธิ์ดังกล่าว รวมทั้งลวดลายรูป รอยประดิษฐ์ และคำบรรยายที่ใช้ทางการค้าของโจทก์ที่ 2 มาประกอบเข้ากับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 ทำการรวบรวมจัดวางขึ้นใหม่ให้มีรูปแบบแตกต่างจากงานของบุคคลอื่นและใช้สีให้มีลักษณะเฉพาะโดดเด่นสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น งานที่เกิดขึ้นใหม่จึงเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสอง และได้พิมพ์บนบรรจุภัณฑ์ เพื่อใช้บรรจุสินค้าผงซักฟอก มีการโฆษณางานดังกล่าวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2544 ต่อมาเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2546 จำเลยทั้งสองร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการทำซ้ำดัดแปลงงานในส่วนอันเป็นสาระสำคัญภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) ภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์ ภาพวาดและภาพประกอบต่าง ๆ การจัดเส้น แสง สีตลอดจนการจัดวางตำแหน่งของงาน ซึ่งเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสองรวมทั้งลอกเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 และรูปรอยประดิษฐ์ ลวดลายคำบรรยายที่ใช้ในทางการค้าของโจทก์ที่ 2 พิมพ์บรรจุภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ทั้งสอง แล้วใช้บรรจุภัณฑ์นั้นกับผงซักฟอกซึ่งเป็นสินค้าประเภทเดียวกันกับโจทก์ทั้งสองนำออกจำหน่ายในตลาดเพื่อประโยชน์ในทางการค้าของจำเลยทั้งสองโดยมีเจตนาแสวงหาประโยชน์ไม่สุจริต และมีเจตนาลวงให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดในสิทธิความเป็นเจ้าของแห่งรูป รอยประดิษฐ์ ลวดลายตลอดจนคำบรรยายที่ใช้ในการทางการค้า หรือแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์ และเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 การกระทำของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย คือ ค่าเสียหายต่อภาพพจน์และค่าความนิยมในผลิตภัณฑ์ของโจทก์ทั้งสอง ค่าสูญเสียประโยชน์ในทางการค้า ค่าสูญเสียโอกาสในการขยายตัวและความเจริญเติบโตทางการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก และค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการบังคับตามสิทธิ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 455,000,000 บาท ห้ามจำเลยทั้งสองใช้บรรจุภัณฑ์พิพาท หรือบรรจุภัณฑ์ที่เหมือนคล้ายใกล้เคียงกันอีกต่อไป และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองวันละ 1,000,000 บาท นับถัดจากฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งสองจะเลิกการจำหน่ายและเก็บผลิตภัณฑ์ของจำเลยทั้งสองออกจากท้องตลาดจนเสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์ตามฟ้อง เพราะเป็นภาพที่มีการใช้กันอยู่อย่างแพร่หลายทั่วไปมาก่อน และโจทก์ที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของรูป รอยประดิษฐ์ ลวดลาย รวมถึงคำบรรยายที่ใช้ในทางการค้าตามฟ้อง การที่โจทก์ที่ 1 นำภาพกราฟฟิครูปประกายดาวมาใช้เป็นภาคส่วนของเครื่องหมายการค้าไม่จำต้องได้รับความยินยอมของโจทก์ที่ 2 เพราะการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามทะเบียนเลขที่ ค 148931 และ ค 148932 เป็นการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “บรีส เพาเวอร์” (BREEZE POWER) อย่างเป็นเครื่องหมายชุด มิใช่การจดทะเบียนรูปประกายดาวเป็นส่วนสำคัญของเครื่องหมายการค้า การจัดวางรูปภาพข้อความ แล้วพิมพ์บนบรรจุภัณฑ์ของโจทก์ทั้งสองมิใช่การสร้างสรรค์งานขึ้นมาใหม่ ภาพกราฟฟิครูปประกายดาวที่โจทก์ทั้งสองนำมาใช้โจทก์ทั้งสองไม่มีลิขสิทธิ์ โจทก์ทั้งสองเพียงนำมาเป็นส่วนประกอบในเครื่องหมายการค้า “บรีส” ของโจทก์ทั้งสองซึ่งเน้นโฆษณาเฉพาะเครื่องหมายการค้า “บรีส” เท่านั้น ไม่เคยปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองโฆษณารูปประกายดาวแยกโดยลำพัง จำเลยทั้งสองใช้เครื่องหมายการค้า “โปร” และส่วนประกอบของเครื่องหมาย มิได้เลียนแบบหรือทำซ้ำเครื่องหมายการค้า “บรีส” ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสองไม่ได้ลวงให้ผู้บริโภคสับสนหลงผิดในผลิตภัณฑ์หรือตัวสินค้า เนื่องจากเครื่องหมายการค้า “บรีส” และ “โปร” เป็นเครื่องหมายคำอักษรไทยตัวใหญ่และชัดเจนอ่านง่าย ทั้งยังเป็นสาระสำคัญของเครื่องหมายในการอ่านและเรียกขานด้วย การกระทำของจำเลยทั้งสองมิได้ทำให้โจทก์ทั้งสองเสียหายตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นตามที่คู่ความไม่โต้แย้งกันว่า โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าอักษรไทยคำว่า “บรีส เพาเวอร์” กับรูปประดิษฐ์ และอักษรโรมันคำว่า “BREEZE POWER” กับรูปประดิษฐ์ใช้กับสินค้าจำพวก 3 รายการสินค้า ผงซักฟอก เป็นต้น ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.11 และ จ.12 โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก “บรีส เพาเวอร์” มีพลังเม็ด ผงซักฟอกสีฟ้า “บลูเพาเวอร์” จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก “โปร” ได้ปรับปรุงสูตรผงซักฟอกด้วยการเพิ่มเม็ดสีฟ้าที่ทรงพลังซักมากกว่าเดิม ใช้ชื่อว่า “พลังบลู-พลัส” จำเลยที่ 1 ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องการค้าเพื่อใช้กับสินค้าจำพวก 3 รายการสินค้า ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน โดยจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุดกับคำขออื่น แต่มีการคัดค้าน
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองประการแรกมีว่า ภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) ภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์ ภาพวาดและคำบรรยายที่ใช้ในทางการค้าตามฟ้องเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์หรือไม่ โดยโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่า งานดังกล่าวเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์เพราะไม่ได้ลอกเลียนงานอื่น แต่เป็นการสร้างสรรค์งานโดยใช้ความรู้ความสามารถของผู้สร้างสรรค์คเอง สำหรับภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) ตามเอกสารหมาย จ.7 นั้น โจทก์ทั้งสองมีนายศุภลักษณ์ มาเบิกความยืนยันว่า นายไมเคิล เป็นผู้สร้างงานภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) ด้วยตนเอง งานดังกล่าวถูกจัดทำขึ้นโดยมีการใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก และมีแนวคิดมาจากมโนภาพการระเบิดของดาวหางเมื่อพุ่งชนกับวัตถุที่โคจรอยู่ในระบบจักรวาล จะทำให้บริเวณที่เกิดชนกันนั้นสว่างและกลายเป็นแสงเจิดจ้าเหมือนสีขาวเช่นเดียวกับผงซักฟอก เมื่อสัมผัสกับเสื้อผ้าในน้ำแล้วผงซักฟอกจะแตกกระจายครอบคลุมเนื้อผ้า และทำปฏิกิริยาขจัดคราบสกปรกที่ฝังในเนื้อผ้าให้หลุดออกไป ทำให้เสื้อผ้าขาวสะอาดหมดจด และมีคำแถลงการณ์ของนายคริส ยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.10 กับเอกสารท้ายคำร้องขอเสนอบันทึกถ้อยคำแทนการซักถามพยานของโจทก์ทั้งสอง ฉบับลงวันที่ 30 สิงหาคม 2548 ในขณะที่จำเลยทั้งสองมีนางสิริวรรณ และนางศิรพงษ์ มาเบิกความในทำนองเดียวกันว่า รูปประกายดาวซึ่งเป็นพื้นหลังเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 ตามวัตถุพยานหมาย วจ.1 นั้น ผู้ทำรูปประกายดาวดัดแปลงจากงานที่มีอยู่แล้วโดยมิได้ใช้ความรู้ความสามารถตามสมควรในระดับหนึ่ง บุคคลทั่วไปนำรูปประกายดาวไปใช้กับสินค้าต่าง ๆ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.6 การใช้รูปประกายดาว (STARBURST) หรือแสงแฟลชพื้นหลังเป็นองค์ประกอบในการออกแบบมีมานานแล้ว และมีหลากหลายรูปแบบปรากฏตามเอกสารหมาย ล.2 และ ล.11 เห็นว่า โจทก์ทั้งสองมีนายศุภลักษณ์เบิกความยืนยันว่า นายไมเคิล เป็นผู้สร้างงานภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) ด้วยตนเอง และมีคำแถลงการณ์ของนายคริส ยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว ขณะที่ข้อนำสืบของจำเลยทั้งสองในทำนองที่ว่าผู้ทำรูปประกายดาวดัดแปลงงานที่มีอยู่แล้วนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นจริงหรือไม่ เช่นใด คดีจึงรับฟังข้อเท็จจริงได้ในเบื้องต้นว่า นายไมเคิล เป็นผู้สร้างงานภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) ด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม งานที่จะได้รับความคุ้มครองในลักษณะของงานศิลปกรรมนั้นแม้กฎหมายจะไม่ได้มุ่งประสงค์ให้งานนั้นต้องมีคุณค่าทางศิลปะ แต่ก็ต้องเป็นงานที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยตนเอง (Originality) ในลักษณะที่ควรจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หาใช่เป็นเพียงงาน (Work) ซึ่งทำขึ้นโดยทั่วไปเท่านั้น สำหรับภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) นี้แม้นายไมเคิล จะเป็นผู้สร้างขึ้นด้วยตนเอง โดยอ้างว่าได้มาจากมโนภาพการระเบิดของดาวหางเมื่อพุ่งชนกับวัตถุที่โคจรอยู่ในระบบจักรวาล ทำให้บริเวณที่เกิดชนกันนั้นสว่างและกลายเป็นแสงเจิดจ้าเหมือนสีขาว เช่นเดียวกับผงซักฟอกเมื่อสัมผัสกับเสื้อผ้าในน้ำแล้วผงซักฟอกจะแตกกระจายครอบคลุมเนื้อผ้าและทำปฏิกิริยาขจัดคราบสกปรกที่ฝังในเนื้อผ้าให้หลุดออกไป ทำให้เสื้อผ้าขาวสะอาดหมดจด แต่พยานหลักฐานที่จำเลยทั้งสองนำสืบปรากฏตามเอกสารหมาย ล.6 นั้นจะเห็นได้ว่า สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำความสะอาด ต่างก็ใช้รูปประกายดาวเป็นภาพประกอบเช่นกันซึ่งน่าจะเป็นการสื่อให้เห็นถึงคุณสมบัติในการทำความสะอาดของสินค้านั่นเอง แนวคิดหรือมโนภาพที่นายไมเคิล กล่าวอ้างจึงเป็นแนวคิดที่ใช้กันอยู่สำหรับสินค้าประเภทนี้ และตามเอกสารหมาย ล.2 และ ล.11 ก็แสดงให้เห็นว่า รูปประกายดาวนี้มีปรากฏทั่วไปเป็นจำนวนมากหลากหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับเจ้าของสินค้าว่าจะนำรูปประกายดาวในลักษณะใดไปใช้กับสินค้าเท่านั้น ซึ่งหากเป็นเพียงการเลือกแบบของรูปประกายดาวเพื่อนำมาใช้ประกอบกับแนวคิดดังกล่าวแล้ว ย่อมจะไม่ทำให้เกิดเป็นงานสร้างสรรค์ขึ้นมา นอกจากนี้ ภาพกราฟฟิครูปประกายดาว (STARBURST) ของโจทก์ทั้งสอง แม้จะมีความแตกต่างจากรูปประกายดาวตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบมา แต่ความแตกต่างดังกล่าวยังเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยและไม่เป็นสาระสำคัญถึงขนาดที่จะเป็นงานสร้างสรรค์ (Original) อันควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในส่วนนี้ฟังไม่ขึ้น
ในส่วนของภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์ ตามเอกสารหมาย จ.15 แผ่นที่ 1 นั้น โจทก์ทั้งสองมีนายศุภลักษณ์และนางอนัญญา มาเบิกความประกอบเอกสารหมาย จ.14 ถึง จ.17 ยืนยันว่า โจทก์ที่ 2 ได้ว่าจ้างให้บริษัทแดซลิ่ง กราฟฟิค จำกัด เป็นผู้ออกแบบ โดยมีนางอนัญญาเป็นผู้ดำเนินการ มีการปรับเปลี่ยนร่างหลายครั้งใช้เวลากว่า 5 เดือน ส่วนจำเลยทั้งสองไม่ได้นำสืบในประเด็นนี้ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่านางอนัญญาได้สร้างงานดังกล่าวขึ้นด้วยตนเอง ภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์มีลักษณะเป็นโมเลกุลและแสดงออกถึงพลังและอานุภาพของเม็ดผงซักฟอกสีฟ้า แม้ภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์จะเป็นรูปทรงกลมอันเป็นรูปทรงเรขาคณิตทั่วไป แต่ก็เป็นงานสร้างสรรค์รูปทรงที่ประกอบด้วยเส้นและสี โดยไม่ปรากฏว่าได้ลอกเลียนหรือดัดแปลงมาจากงานที่มีอยู่เดิม จึงแสดงให้เห็นถึงความเป็นงานสร้างสรรค์ (Original) ที่สร้างขึ้นด้วยตนเอง งานดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นงานศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรม อันได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 แล้ว แม้ต่อมาจะมีการนำงานนี้ไปใช้ในทางการค้า ก็ไม่เป็นเหตุให้งานดังกล่าวขาดคุณสมบัติที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในส่วนนี้ฟังขึ้น
สำหรับภาพวาดและคำบรรยาย “สูตรมาตรฐาน สำหรับซักมือ” ตามเอกสารหมาย จ.15 แผ่นที่ 2 นั้น โจทก์ทั้งสองมีนายศุภลักษณ์และนางอนัญญาเป็นพยานเบิกความประกอบเอกสารหมาย จ.14 ถึง จ.17 ยืนยันว่า โจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของงานดังกล่าว ส่วนจำเลยทั้งสองไม่ได้สืบพยานในประเด็นนี้เช่นกัน คดีจึงรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า นางอนัญญาเป็นผู้สร้างงานดังกล่าว โดยภาพวาดรูปมือมีลักษณะของการจัดวางมือทั้งสองข้างที่จับอยู่บนเสื้อ ซึ่งเป็นงานสร้างสรรค์รูปทรงที่ประกอบด้วยเส้นและสี เมื่อไม่ปรากฏว่าเป็นการลอกเลียนหรือดัดแปลงมาจากงานที่มีอยู่เดิมแล้ว ย่อมแสดงให้เห็นถึงความเป็นงานสร้างสรรค์ (Original) ที่สร้างขึ้นด้วยตนเอง งานดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นงานศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรม อันได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 แม้ต่อมาจะมีการนำงานนี้ไปใช้ในทางการค้า ก็ไม่เป็นเหตุให้งานดังกล่าวขาดคุณสมบัติที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเช่นกัน อย่างไรก็ตามข้อความที่ว่า “สูตรมาตรฐาน สำหรับซักมือ” เป็นเพียงคำสามัญทั่วไปที่ระบุถึงคุณสมบัติของสินค้ามากกว่าที่จะสร้างคำบรรยายดังกล่าวในแง่ของงานศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรมในตัวเอง จึงไม่อาจได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย แม้นางอนัญญานำมาใช้ประกอบกับภาพวาดรูปมือและประสงค์จะใช้เป็นงานชิ้นเดียวกัน แต่ก็เห็นได้ตามเอกสารหมาย จ.15 แผ่นที่ 2 และที่ 3 ว่า ในการสร้างงานขึ้นมานี้ภาพวาดกับคำบรรยายดังกล่าวสามารถแยกส่วนออกจากกันได้อย่างชัดเจน ในส่วนของคำบรรยายจึงไม่ได้รับความคุ้มครองในลักษณะของงานศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรมทั้งภาพ อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในส่วนนี้ฟังขึ้นบางส่วน
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองประการต่อมามีว่างานออกแบบซองบรรจุภัณฑ์ ตามเอกสารหมาย จ.16 หรือวัตถุพยานหมาย วจ.1 เป็นงานศิลปประยุกต์หรือไม่ โดยโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ในทำนองว่า งานดังกล่าวเป็นการนำงานจิตรกรรมมารวบรวมจัดวางขึ้นใหม่แล้วจัดทำเป็นบรรจุภัณฑ์ และใช้ประโยชน์ได้จริงจึงเป็นงานศิลปประยุกต์ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4 บัญญัติว่า “งานศิลปประยุกต์ ได้แก่ งานที่นำเอางานตาม (1) ถึง (6) อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกันไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น นอกเหนือจากการชื่นชมในคุณค่าของตัวงานดังกล่าวนั้น เช่น นำไปใช้สอย นำไปตกแต่งวัสดุหรือสิ่งของอันเป็นเครื่องใช้ หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้า” วัตถุประสงค์ของการให้ความคุ้มครองงานศิลปประยุกต์ จึงหมายถึงการนำงานศิลปกรรมลักษณะงานต่าง ๆ มาใช้ในลักษณะที่เกิดประโยชน์อย่างอื่น นอกเหนือจากการชื่นชมในคุณค่าของตัวงานดังกล่าว สำหรับคดีนี้เมื่อรับฟังว่า ภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์กับภาพวาดรูปมือเป็นงานศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรมและภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์กับภาพวาดรูปมือดังกล่าวถูกนำไปใช้ประกอบกันบนซองบรรจุภัณฑ์ตามเอกสารหมาย จ.16 หรือวัตถุพยานหมาย วจ.1 เพื่อประกอบเครื่องหมายการค้า ภาพและข้อความอื่น ๆ อันเป็นการนำเอางานศิลปกรรมไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้าการออกแบบซองบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวจึงเป็นงานศิลปประยุกต์ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยมานั้นศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองประการต่อมามีว่า จำเลยทั้งสองละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า เมื่อพิจารณาบรรจุภัณฑ์ของจำเลยที่ 1 ตามวัตถุพยานหมาย วจ.2 จะไม่ปรากฏภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์แต่อย่างใด แม้ในส่วนมุมบนด้านซ้ายของบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวจะปรากฏรูปทรงกลมหลายวง แต่ก็เป็นรูปทรงเรขาคณิตที่บุคคลทั่วไปอาจใช้ได้เป็นปกติอยู่แล้ว การที่จำเลยที่ 1 ใช้รูปทรงกลมสีฟ้าโดยไม่คล้ายกับภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์เพื่อสื่อถึงพลังเม็ดสีฟ้าในผงซักฟอกย่อมจะกระทำได้ เมื่อโจทก์ทั้งสองไม่อาจนำสืบให้เห็นว่า จำเลยทั้งสองทำซ้ำหรือดัดแปลงภาพกราฟฟิคบลูเพาเวอร์ของโจทก์ทั้งสองเช่นใด จึงไม่อาจรับฟังว่าจำเลยทั้งสองละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ 2 ในส่วนนี้ สำหรับภาพวาดรูปมือนั้นก็ไม่ปรากฏอยู่บนซองบรรจุภัณฑ์ของจำเลยที่ 1 ตามวัตถุพยานหมาย วจ.2 เช่นกัน ส่วนที่ปรากฏที่มุมด้านขวาของบรรจุภัณฑ์จะเป็นเพียงภาพมือ 2 ข้าง วางใกล้กันอยู่ในน้ำ และมีคำบรรยาย “สำหรับซักมือ” อยู่ด้านล่าง ซึ่งภาพของมือ 2 ข้าง นั้นเป็นสิ่งที่บุคคลทั่วไปสามารถใช้ได้ จึงไม่อาจถือว่าจำเลยทั้งสองละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ 2 ในส่วนนี้เช่นกัน ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่เห็นควรวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองประการต่อมามีว่าจำเลยทั้งสองเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 หรือไม่และจำเลยทั้งสองได้เอารูปรอยประดิษฐ์ ลวดลาย และข้อความใด ๆ ในการประกอบการค้าของโจทก์ที่ 2 มาใช้ หรือทำให้ปรากฏในสินค้าบรรจุภัณฑ์ของจำเลยทั้งสองหรือไม่ โดยโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ในทำนองว่า จำเลยทั้งสองเลียนเครื่องหมายการค้า ตามเอกสารหมาย จ.11 และ จ.12 ของโจทก์ที่ 1 กับบรรจุภัณฑ์ของโจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสอง ตามวัตถุพยานหมาย วจ.1 และ วจ.2 มีโครงสร้างหรือรูปแบบเหมือนคล้ายกัน เห็นว่า เครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.12 เป็นอักษรโรมันคำว่า “BREEZE POWER” ซึ่งไม่ปรากฏบนบรรจุภัณฑ์ ตามวัตถุพยานหมาย วจ.2 ของจำเลยทั้งสองแต่อย่างใด ไม่ถือว่าเป็นการเลียนเครื่องหมายการค้า ตามเอกสารหมาย จ.12 ของโจทก์ที่ 1 สำหรับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.11 นั้น เป็นอักษรไทยคำว่า “บรีสเพาเวอร์” ซึ่งไม่ปรากฏคำดังกล่าวบนบรรจุภัณฑ์ ตามวัตถุพยานหมาย วจ.2 ของจำเลยทั้งสองเช่นกัน จึงไม่ถือว่าเป็นการเลียนเครื่องหมายการค้าตามเอกสารหมาย จ.11 ของโจทก์ที่ 1 เมื่อพิจารณาบรรจุภัณฑ์ของโจทก์ทั้งสองตามวัตถุพยาน วจ.1 เปรียบเทียบกับบรรจุภัณฑ์ของจำเลยทั้งสองตามวัตถุพยานหมาย วจ.2 ส่วนที่คล้ายคลึงกัน คือ ซองบรรจุภัณฑ์สีแดงกลางซองบรรจุภัณฑ์ด้านหน้าเป็นชื่อสินค้าสีน้ำเงินซ้อนอยู่บนรูปประกายดาวสีขาว ลักษณะตัวอักษร (Font) และการวางตัวอักษรเอียงขวาเหมือนกันมีแถบสีเหลืองเหมือนกัน มุมบนด้านซ้ายมีคำว่า “ใหม่” กับรูปทรงกลมสีน้ำเงิน มุมล่างด้านซ้ายระบุปริมาณของสินค้า ส่วนมุมล่างด้านขวามีคำบรรยาย “สำหรับซักมือ” กับรูปมือ 2 ข้าง อยู่ในวงกลม หากพิจารณาแยกเป็นแต่ละส่วนเช่นนี้ก็จะเห็นความคล้ายกัน แต่ความคล้ายกันดังกล่าวเป็นส่วนที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจำเลยทั้งสองมีนายศิรพงษ์มาเบิกความว่า สีที่ใช้ดังกล่าวเป็นสีที่ใช้กับบรรจุภัณฑ์ของจำเลยทั้งสองมาตั้งแต่ต้นปรากฏตามเอกสารหมาย ล.9 การจัดวางตำแหน่งของข้อความต่าง ๆ ก็เป็นไปอย่างมีเหตุผลน่าเชื่อถือ เมื่อพิจารณาบรรจุภัณฑ์ ตามวัตถุพยานหมาย วจ.1 และ วจ.2 โดยรวมแล้วยังถือว่ามีความแตกต่างกันอยู่ นอกจากนี้ จำเลยทั้งสองมีนายเอกรินทร์ มาเบิกความด้วยว่า สินค้าของโจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสองอยู่คนละกลุ่มโดยสินค้าของโจทก์ทั้งสองอยู่ในกลุ่มที่มีคุณภาพสูงและราคาสูง ส่วนของจำเลยทั้งสองอยู่ในกลุ่มคุณภาพและราคาต่ำกว่า กลุ่มผู้บริโภคจึงแตกต่างกัน การจัดวางจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าก็ไม่ได้ใกล้กัน ปรากฏตามภาพถ่ายหมาย ล.8 โจทก์ทั้งสองไม่ได้นำสืบหรือถามค้านโต้แย้งในประเด็นนี้ เมื่อพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ 1 กับของจำเลยที่ 1 แตกต่างกันทั้งในรูปลักษณะและเสียงเรียกขานอย่างชัดเจนแล้ว โอกาสที่สาธารณชนจะสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า อันจะเป็นการลวงขายสินค้าจึงเป็นไปได้น้อย คดีจึงไม่อาจรับฟังว่า จำเลยทั้งสองเจตนาเอารูป รอยประดิษฐ์ ลวดลายและข้อความใด ๆ ในการประกอบการค้าของโจทก์ที่ 2 มาใช้ หรือทำให้ปรากฏในสินค้าบรรจุภัณฑ์ของจำเลยทั้งสอง เพื่อเป็นการลวงขายสินค้าว่าสินค้าของจำเลยทั้งสองเป็นสินค้าของโจทก์ทั้งสอง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยมานั้นศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในส่วนนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน และกรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อที่เหลือของโจทก์ทั้งสองอีกต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ