คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมได้เซ็นชื่อในพินัยกรรมในฐานะเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรม มิใช่ในฐานะพยาน แม้ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมจะได้รู้เห็นว่าทำพินัยกรรมก็ตาม ก็ไม่ทำให้พินัยกรรมเสียไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าแบ่งมรดกนา ที่ดินปลูก บ้าน เรือน ยุ้งข้าว ซึ่งเป็นมรดกของนายอุดผู้ตาย ตกทอดได้แก่โจทก์จำเลยเพราะต่างเป็นทายาท โดยธรรมของนายอุด แต่จำเลยไม่ยอมแบ่งให้ จึงขอให้แบ่งทรัพย์ดังกล่าวให้โจทก์ ๓ ใน ๔ ส่วน
จำเลยต่อสู้ว่า ที่ดินปลูกบ้าน เรือนและยุ้งข้าว เป็นของจำเลย ส่วนนา นายอุดทำพินัยกรรมยกให้จำเลยที่ ๒ โจทก์ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์เหล่านี้
ศาลชั้นต้นฟังว่า ทรัพย์พิพาททั้งหมดเป็นสินสมรสระหว่างนายอุดม นางพู เป็นมรดกตกได้แก่ทายาท ส่วนพินัยกรรมที่นายอุดทำยกที่นาให้แก่จำเลยที่ ๒ ปรากฏว่า จำเลยที่ ๒ ผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมเซ็นชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมด้วย พินัยกรรมจึงตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๗๐๕ พิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ ๓ ส่วน ให้จำเลย ๑ ส่วน แบ่งไม่ตกลงให้ประมูลราคาระหว่างกัน ประมูลราคาไม่ตกลงให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า นายอุดเป็นผู้ครอบครองที่นาพิพาทมาฝ่ายเดียวเป็นเวลา ๒๕ ปีแล้ว ที่พิพาทจึงเป็นของนายอุด พินัยกรรมที่นายอุมทำยกนาพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๒ ก็ใช้ได้ตามกฎหมาย จำเลยที่ ๒ เซ็นชื่อในพินัยกรรมในฐานะผู้รับมอบทรัพย์เท่านั้น ส่วนที่ดินปลูกบ้าน นายอุดก็ได้ยกให้แก่จำเลย นายสอ จำเลยร่วมได้แจ้งการครอบครองต่อเจ้าพนักงาน เป็นของนายสอตั้งแต่นายอุดยังมีชีวิตอยู่ ยุ้งข้าวและเรือน จำเลยได้สร้างขึ้นใหม่แทนของเก่าที่ชำรุดผุพังไปแล้ว ทรัพย์พิพาททั้งหมดเป็นของจำเลย พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับพินัยกรรมนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พินัยกรรมที่นายอุดทำยกนาพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๒ ถึงจำเลยที่ ๒ จะได้เซ็นชื่อในพินัยกรรม ก็เซ็นในฐานะผู้รับมอบ หาใช่เป็นพยานไม่ เพราะมีคำว่า ผู้รับมอบเขียนไว้หน้าชื่อจำเลยที่ ๒ ส่วนผู้เป็นพยานได้เซ็นชื่อไว้เหนือชื่อจำเลยและต่อท้ายชื่อได้เขียนคำว่าพยาน ส่วนท้ายชื่อจำเลยที่ ๒ นั้นมิได้มีคำว่าพยานเลย จำเลยที่ ๒ จึงมิใช่พยานในพินัยกรรม แม้ว่าจำเลยที่ ๒ จะได้รู้เห็นการกระทำพินัยกรรมนี้ ก็ไม่ทำให้พินัยกรรมเสียไป นาพิพาทจึงตกเป็นของจำเลยที่ ๒ ตามพินัยกรรม

Share