แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดที่กระทำต่อเนื่องอาจเป็นความผิดหลายกระทงได้ หากได้ความว่าผู้กระทำผิดมีเจตนาหลายอย่างแต่ละอย่างเป็นความผิดที่สมบูรณ์แยกจากกันได้ จำเลยฉีกธงชาติไทยอันมีความหมายถึงรัฐเพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ และยังใช้ไม้ตีทุบเกศเศียร พระพุทธรูปอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของพุทธศาสนิกชนอันเป็นการเหยียดหยามศาสนา อันเป็นคนละเจตนา แต่ละเจตนาเป็นความผิดในตัวเองแยกจากกันเป็นความผิดคนละกระทง แม้กระทำต่อเนื่องกัน และแต่ละกระทงดังกล่าวคือเจตนาในการทำให้เสียทรัพย์เช่นเดียวกัน จึงเป็นความผิดหลายบทในแต่ละกระทงกล่าวคือ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 118,360,90กระทงหนึ่ง และมาตรา 206,360 ทวิ,90 อีกกระทงหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2532 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ก) จำเลยทำให้เสียทรัพย์โดยใช้ไม้ตีทุบจนเกศเศียรพระพุทธรูปแตกหักเสียหาย นอกจากนี้ยังใช้ไม้ทุบเคาะทรัพย์สินอื่น ๆ และฉีกทำลายธงชาติไทย 1 ผืน รวมราคาทั้งสิ้น 320 บาท ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ข) กับใช้ไม้ทุบที่เศียรพระพุทธรูปอันเป้นที่เคารพในทางศาสนาของประชาชนและนักเรียนซึ่งประดิษฐานไว้ในโรงเรียนบ้านกกกว้าว จนเศียรแตกหักเสียหาย อันเป็นการเหยียดหยามศาสนา ค) และใช้มือฉีกทำลายธงชาติไทยอันมีความหมายถึงประเทศไทยเพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ เหตุเกิดที่ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 118, 206, 360, 360 ทวิ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 118, 206, 360, 360 ทวิ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2512 มาตรา 9 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 2, 6 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 360 ทวิ จำคุก 2 ปี ฐานเหยียบหยามศาสนา จำคุก 1 ปีรวม 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90, 118, 206, 360 และ 360 ทวิ ลงโทษตามมาตรา 360 ทวิ ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 2 ปี ลดรับกึ่ง จำคุก 1 ปี ไม่ลงโทษฐานเหยียดหยามประเทศชาติตามมาตรา 118นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า ความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง และจำเลยให้การรับสารภาพเป็นความผิดหลายกระทงหรือไม่ เห็นว่า ความผิดที่กระทำต่อเนื่องอาจเป็นความผิดหลายกระทงได้ หากฟังได้ว่าผู้กระทำผิดมีเจตนาหลายอย่างแต่ละอย่างเป็นความผิดที่สมบูรณ์แยกจากกันได้ในตัว การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง และจำเลยรับสารภาพว่ากระทำผิดจริงฟังได้ว่า จำเลยฉีกธงชาติไทยอันมีความหมายถึงรัฐเพื่อเหยียดหยามประเทศชาติและยังใช้ไม้ตีทุบเกศเศียรพระพุทธรูปอันเป็นที่เคารถในทางศาสนาของพุทธศาสนิกชน อันเป็นการเหยียดหยามศาสนาอันเป็นคนละเจตนา แต่ละเจตนาเป็นความผิดในตัวเองแยกจากกันเป็นความผิดคนละกระทง แม้กระทำต่อเนื่องกัน และโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษโดยการบรรยายฟ้องแยกความผิดไว้แล้ว และแต่ละกระทงดังกล่าวคือเจตนาในการทำให้เสียทรัพย์เช่นเดียวกัน จึงเป็นความผิดหลายบทในแต่ละกระทำ กล่าวคือ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 118, 360, 360, 90 กระทงหนึ่ง และมาตรา 206, 360 ทวิ, 80 อีกกระทงหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 118, 360, 90 กระทงหนึ่งให้ลงโทษตามมาตรา 360 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 6 เดือน และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206, 360 ทวิ, 90 อีกกระทงหนึ่ง ให้ลงโทษตามมาตรา 360 ทิว อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยมีกำหนด 9 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์