คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5182/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์บรรยายฟ้องข้อ 1 เกี่ยวกับความผิดฐานลักทรัพย์ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2545 มีคนร้ายหลายคนร่วมกันลักเอาไม้มะค่าโมงแปรรูปจำนวน 235 แผ่น ที่เจ้าพนักงานยึดไว้เป็นของกลางในคดีอาญาขณะอยู่ในความครอบครองดูแลของ ว. ผู้เสียหายไปโดยทุจริต และบรรยายฟ้องข้อ 2 เกี่ยวกับความผิดฐานรับของโจรว่า ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ถึงวันที่ 6 มิถุนายน 2545 จำเลยรับของโจรไม้มะค่าโมงจำนวน 8 แผ่น อันเป็นส่วนหนึ่งของไม้มะค่าโมงของกลางตามฟ้องข้อ 1 ที่ถูกคนร้ายลักไป หาใช่การบรรยายฟ้องที่ระบุว่า เวลากระทำผิดทั้งหมดในความผิดฐานรับของโจรเกิดขึ้นก่อนที่ไม้มะค่าโมงถูกคนร้ายลักเอาไป อันจะมีผลทำให้เป็นฟ้องที่ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจรไม่ ทั้งนี้เพราะฟ้องข้อ 2 โจทก์มิได้ระบุว่า เหตุรับของโจรเกิดขึ้นเพียงวันเดียวในวันที่ 6 มิถุนายน 2545 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมไม้ของกลางบางส่วนเท่านั้น หากแต่โจทก์ระบุว่า เหตุรับของโจรเกิดตั้งแต่วันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ถึงวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 2 ซึ่งคำว่า ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 หมายถึง ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2545 อันมีช่วงระยะเวลานานถึง 1 เดือน วันเกิดเหตุความผิดฐานรับของโจรตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องข้อ 2 จึงอาจเป็นวันใดวันหนึ่งในช่วงเวลา 1 เดือนดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นเวลาภายหลังจากที่มีคนร้ายลักไม้ของกลางตามฟ้องข้อ 1 แล้วก็ได้ การบรรยายฟ้องเช่นนี้จึงหาใช่การบรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรก่อนเกิดความผิดฐานลักทรัพย์ อันจะมีผลทำให้คำฟ้องโจทก์ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจรไม่
การที่โจทก์บรรยายฟ้องข้อ 2 ระบุเกี่ยวกับเวลาการทำผิดฐานรับของโจรว่า เหตุรับของโจรเกิดตั้งแต่วันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 คือตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2545 ถึงวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 2 คือวันที่ 6 มิถุนายน 2545 อันเป็นวันเวลาก่อนที่จะถึงวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 เป็นคำฟ้องที่สับสนขัดต่อสภาพและความเป็นจริง ไม่ชัดแจ้งเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335, 357 และนำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 816/2545 ของศาลชั้นต้น มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน บวกโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 816/2545 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำเลยในคดีนี้เป็นโทษจำคุก 9 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์ฐานรับของโจรนั้น โจทก์บรรยายฟ้องครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องข้อ 1. เกี่ยวกับความผิดฐานลักทรัพย์ โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2545 มีคนร้ายหลายคนร่วมกันลักเอาไม้มะค่าโมงแปรรูป จำนวน 235 แผ่น ซึ่งเป็นไม้ที่เจ้าพนักงานยึดไว้เป็นของกลางในคดีอาญาโดยมีนายวัชรินทร์ผู้เสียหาย ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เก็บรักษาของกลางดังกล่าวไว้ไปโดยทุจริต ส่วนในคำฟ้องข้อ 2. เกี่ยวกับความผิดฐานรับของโจร โจทก์บรรยายฟ้องว่า ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. ถึงวันที่ 6 มิถุนายน 2545 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้บังอาจรับของโจรไม้มะค่าโมง 8 แผ่น อันเป็นไม้ส่วนหนึ่งของไม้ของกลางของผู้เสียหายตามฟ้องข้อ 1. ที่ถูกคนร้ายลักไป การบรรยายฟ้องของโจทก์เช่นนี้ หาใช่การบรรยายฟ้องที่ระบุว่าเวลากระทำผิดทั้งหมดในความผิดฐานรับของโจรเกิดขึ้นก่อนที่ไม้มะค่าโมงของกลางถูกคนร้ายลักเอาไป อันจะมีผลทำให้เป็นฟ้องไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจรไม่ ทั้งนี้เพราะคำฟ้องข้อ 2. โจทก์มิได้ระบุว่าเหตุรับของโจรเกิดเพียงวันเดียวในวันที่ 6 มิถุนายน 2545 อันเป็นวันที่เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมไม้มะค่าโมงของกลางบางส่วนเท่านั้น หากแต่โจทก์ระบุว่าเหตุรับของโจรเกิดตั้งแต่วันดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. ถึงวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 2. ซึ่งเฉพาะคำว่า “ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1.” นั้น หมายถึง ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2545 อันมีช่วงระยะเวลายาวนานถึง 1 เดือน ดังนั้น วันเกิดเหตุความผิดฐานรับของโจรที่โจทก์บรรยายฟ้องในส่วนนี้ จึงอาจเป็นวันใดวันหนึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่มีคนร้ายลักไม้มะค่าโมงตามฟ้องข้อ 1. แล้วก็ได้ ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์เช่นนี้จึงหาใช่การบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรก่อนเกิดความผิดฐานลักทรัพย์อันจะมีผลทำให้คำฟ้องโจทก์บรรยายข้อต่อสภาพและลักษณะของการกระทำความผิดหรือเป็นฟ้องที่บรรยายไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจรตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6395/2534 ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยมาไม่
ตามคำฟ้องข้อ 2. เกี่ยวกับการระบุเวลากระทำความผิดฐานรับของโจร ที่โจทก์บรรยายฟ้องระบุว่า เหตุรับของโจรเกิดตั้งแต่วันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. คือตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 31 ธันวาคม 2545 ถึงวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 2. คือวันที่ 6 มิถุนายน 2545 อันเป็นวันเวลาก่อนที่จะถึงวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. นั้น เป็นคำฟ้องที่สับสนขัดต่อสภาพและความเป็นจริง ไม่ชัดแจ้งเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความจะมิได้หยิบยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้ว ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน

Share