คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3140/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของ ก. ฟ้องต่อศาลแพ่งว่าจำเลยกับพวกครอบครองเงินจากการขายที่ดินของกองมรดกที่จะต้องนำมาแบ่งแก่ทายาท แต่จำเลยเบียดบังไว้ไม่ยอมส่งมอบแก่กองมรดก ขอให้จำเลยกับพวกคืนเงินดังกล่าว ศาลแพ่งวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นลูกหนี้จริงและให้จำเลยชำระเงิน 4,076,230.65 บาท พร้อมดอกเบี้ย คดีถึงที่สุด คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์ทั้งสองและจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ว่าจำเลยเป็นลูกหนี้จริง เมื่อจำเลยซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ธ. โอนขายหุ้นของจำเลยในบริษัทดังกล่าวแก่ ป. ก่อนที่ศาลแพ่งจะมีคำพิพากษาเพียง 1 เดือน จึงเป็นพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าจำเลยกระทำเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนซึ่งใช้สิทธิทางศาลแล้วได้รับชำระหนี้ อันเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ให้จำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ที่ 1 ถึงแก่ความตาย นายเอกพจน์ บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายและในฐานะผู้จัดการมรดกของโจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีต่างผู้ตาย ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2546 บริษัทกฎหมายธำรงคุณธรรม จำกัด ซึ่งจำเลยเป็นกรรมการได้ลงทะเบียนโอนหุ้นของจำเลยจำนวน 7,300 หุ้น คิดเป็นเงิน 730,000 บาท ประเภทชำระค่าหุ้นครบแล้วไปให้แก่นายประเสริฐ ตามสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้น คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานโกงเจ้าหนี้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของนายกำจัดฟ้องต่อศาลแพ่งว่า จำเลยครอบครองเงินจากการขายที่ดินของกองมรดกที่จะต้องนำมาแบ่งแก่ทายาท แต่จำเลยเบียดบังไว้ไม่ยอมส่งมอบแก่กองมรดก จึงขอให้จำเลยกับพวกคืนเงินดังกล่าว ศาลแพ่งวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นลูกหนี้จริงและให้จำเลยชำระเงิน 4,076,230.65 บาท พร้อมดอกเบี้ย คดีถึงที่สุด คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์ทั้งสองและจำเลย ซึ่งเป็นคู่ความในคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง การที่โจทก์ทั้งสองมาฟ้องจำเลยคดีนี้เป็นคดีอาญา แต่ก็มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นหนี้หรือไม่ อันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีแพ่งดังกล่าว คดีจึงต้องฟังว่าจำเลยเป็นลูกหนี้จริง ส่วนที่จำเลยฎีกาอ้างว่า หุ้นที่ลงทะเบียนโอนเป็นของนายอนุสรณ์ จำเลยเพียงมีชื่อถือหุ้นแทนและจำเลยโอนให้นายประเสริฐตามคำสั่งของนายอนุสรณ์ เห็นว่า เป็นเพียงข้ออ้างลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานใดสนับสนุนให้พอแก่การรับฟัง คดีรับฟังว่าจำเลยโอนขายหุ้นของจำเลยดังกล่าวให้แก่นายประเสริฐตามที่จำเลยมีหนังสือแจ้งต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ดังนี้ที่จำเลยโอนขายหุ้นของจำเลยแก่ผู้อื่นก่อนที่ศาลแพ่งจะมีคำพิพากษาเพียง 1 เดือน จึงเป็นพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าจำเลยกระทำเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนซึ่งใช้สิทธิทางศาลแล้วได้รับชำระหนี้ อันเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share