คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำร้องขอถอนตัวของทนายโจทก์ไม่ปรากฏว่าทนายโจทก์ได้แจ้งให้ตัวความทราบแล้วหรือหาตัวความไม่พบ จึงเป็นคำร้องขอถอนตนจากการตั้งแต่งให้เป็นทนายความที่ไม่ชอบ ไม่มีเหตุที่ศาลต้องอนุญาตให้ทนายถอนตัว และศาลไม่มีหน้าที่คอยระวังความเสียหายให้โจทก์จากการกระทำที่ไม่ชอบของทนายความที่โจทก์เป็นผู้แต่งตั้งการสั่งคำร้องดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณานอกจากการนั่งพิจารณาและพิพากษาคดี ที่ผู้พิพากษาศาลภาษีอากรคนใดคนหนึ่งมีอำนาจกระทำ หรือออกคำสั่งได้ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรฯ มาตรา 16 แม้ทนายของคู่ความหรือตัวความไม่มาศาลในวันชี้สองสถาน ศาลก็ทำการชี้สองสถานไปได้ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 13 โดยไม่จำต้องเลื่อนการชี้สองสถาน ศาลภาษีอากรกลางนำรายงานกระบวนพิจารณาการชี้สองสถานมาอ่านให้คู่ความฟังที่หน้าห้องโดยมิได้ขึ้นนั่งพิจารณาบนบัลลังก์เป็นการชอบตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 20 ที่กำหนดไว้ว่าศาลอาจมีคำสั่งกำหนดการนั่งพิจารณาคดี ณ สถานที่ใด หรือในวันเวลาใด ๆ ก็ได้ ตามที่เห็นสมควร ในการชี้สองสถาน ศาลไม่จำต้องสอบถามคู่ความเสมอไปเกี่ยวกับข้ออ้างข้อเถียงว่าฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้งข้ออ้างข้อเถียงนั้นอย่างไร หากเป็นข้อที่คู่ความโต้แย้งกันในคำฟ้องและคำให้การโดยตรงอยู่แล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอรับคืนอากรตามสิทธิพิเศษ แต่จำเลยก็ไม่ยอมคืนขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,650,335 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินจำนวน 1,442,916.50 บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า การนำของเข้าซึ่งกำหนดว่า “ผู้นำของเข้าต้องยื่นใบรับรองเมืองกำเนิดสินค้าพร้อมกับการยื่นใบขนสินค้าขาเข้า…” จึงจะได้สิทธิพิเศษทางการค้า แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามโดยโจทก์ยื่นใบขนสินค้าขาเข้า นำสินค้าเข้ามาในประเทศไทยผ่านพิธีการศุลกากรสมบูรณ์แล้ว โดยโจทก์มิได้ยื่นหนังสือรับรองเมืองกำเนิดสินค้าพร้อมกับการยื่นใบขนสินค้าขาเข้า โจทก์จึงไม่ได้สิทธิพิเศษทางการค้าดังกล่าว และไม่อาจขอสงวนสิทธิในการขอรับอากรขาเข้าที่ได้ชำระโดยชอบแล้วคืน ขอให้ยกฟ้อง
ในชั้นชี้สองสถาน ศาลภาษีอากรกลางตรวจสำนวนแล้วปรากฏว่าโจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน ดังนั้น พยานหลักฐานของโจทก์จึงต้องห้ามมิให้รับฟัง ให้งดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษา
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาแรกตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่าคดีมีเหตุควรให้ทนายโจทก์ถอนตัวจากการเป็นทนายและเลื่อนการชี้สองสถานหรือไม่ เห็นว่าตามคำร้องของทนายโจทก์กล่าวเพียงว่าทนายโจทก์กับโจทก์มีความเห็นทางคดีไม่ตรงกันและโจทก์ไม่ชำระค่าทนายความตามที่ตกลงกันไว้ จึงขอถอนตัวจากการเป็นทนาย โดยมิได้กล่าวในคำร้องว่า ทนายโจทก์ได้แจ้งให้ตัวความทราบแล้ว หรือหาตัวความไม่พบ อันถือได้ว่าทนายโจทก์มิได้แสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลถึงเหตุดังกล่าวตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 65 วรรคแรก ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17 บังคับไว้จึงเป็นคำร้องขอถอนตัวจากการตั้งแต่งให้เป็นทนายความที่ไม่ชอบไม่มีเหตุที่ศาลต้องอนุญาตให้ทนายถอนตัว และศาลไม่มีหน้าที่ต้องคอยระวังความเสียหายให้โจทก์จากการกระทำที่มิชอบของทนายความที่โจทก์เป็นผู้แต่งตั้งเข้ามาเองดังที่โจทก์กล่าวอ้างมาในอุทธรณ์ทั้งการที่ศาลจะอนุญาตให้ทนายคู่ความถอนตัวหรือไม่ หรือแม้ทนายของคู่ความหรือตัวความไม่มาศาลในวันชี้สองสถาน ศาลก็อาจทำการชี้สองสถานไปได้ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 13 โดยไม่จำต้องเลื่อนการชี้สองสถานออกไป ส่วนที่ศาลสั่งคำร้องของทนายโจทก์ที่ขอถอนตัวจากการเป็นทนายและขอเลื่อนคดีเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณานอกจากการนั่งพิจารณาและพิพากษาคดี ที่ผู้พิพากษาศาลภาษีอากรคนใดคนหนึ่งมีอำนาจกระทำ หรือออกคำสั่งได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 16 ที่ศาลภาษีอากรกลางสั่งยกคำร้องทั้งสองของทนายโจทก์นั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อต่อไปมีว่า ศาลได้ดำเนินการชี้สองสถานโดยชอบหรือไม่ โดยโจทก์โต้แย้งว่าศาลภาษีอากรกลางทำการชี้สองสถานโดยผู้พิพากษาคนเดียวนำรายงานกระบวนพิจารณามาอ่านให้คู่ความฟังโดยมิได้ขึ้นนั่งพิจารณา ศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 20 ได้กำหนดไว้ว่าศาลอาจมีคำสั่งกำหนดการนั่งพิจารณาคดี ณ สถานที่ใด หรือในวันเวลาใด ๆ ก็ได้ตามที่เห็นสมควร แม้คดีนี้ศาลภาษีอากรกลางจะจดรายงานกระบวนพิจารณาการชี้สองสถานมาอ่านให้คู่ความฟังที่หน้าห้องโดยมิได้ขึ้นนั่งพิจารณาบนบัลลังก์ก็ชอบด้วยข้อกำหนดดังกล่าว ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ผู้พิพากษาคนเดียวทำการชี้สองสถานไม่ครบองค์คณะนั้นในข้อนี้โจทก์มิได้คัดค้านในขณะนั้น ถือว่าไม่ติดใจคัดค้านในเรื่ององค์คณะ จึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ ส่วนที่โจทก์ว่าการชี้สองสถานศาลภาษีอากรกลางมิได้นำข้ออ้างข้อเถียงที่ปรากฏในคำคู่ความเทียบกันดูและสอบถามคู่ความทุกฝ่ายถึงข้ออ้างข้อเถียงว่าฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้งข้ออ้างข้อเถียงนั้นอย่างไรนั้น คดีนี้ศาลภาษีอากรกลางได้ทำการชี้สองสถานโดยนำข้ออ้าง ข้อเถียงที่ปรากฏในคำคู่ความเทียบกันดูแล้ว มิฉะนั้นศาลจะกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทและหน้าที่นำสืบไม่ถูก ส่วนที่ศาลมิได้สอบถามคู่ความถึงข้ออ้างข้อเถียงว่าฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้งข้ออ้าง ข้อเถียงนั้นอย่างไร ก็เพราะเห็นว่าไม่จำต้องสอบถามเนื่องจากเป็นข้อที่คู่ความโต้แย้งกันในคำฟ้องและคำให้การโดยตรงอยู่แล้ว การชี้สองสถานของศาลภาษีอากรกลางได้ดำเนินการโดยชอบตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรข้อ 12 แล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share