คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5166/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ขณะใช้บังคับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหคีรีอำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์พุทธศักราช 2479 ที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ภายในเขตนั้นเป็นที่รกร้างว่างเปล่าอยู่ จึงเป็นที่ดินหวงห้ามตามกฎหมายดังกล่าว และตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 10ยังคงให้เป็นที่หวงห้ามต่อไป โจทก์ทั้งสองเข้าครอบครองที่ดินพิพาทในภายหลังเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย หาก่อให้เกิดสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินพิพาทที่จะใช้ยันต่อรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ไม่ ที่ดิน พิพาทจึงไม่ใช่ของโจทก์ การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นข้าราชการกรมพัฒนาที่ดินซึ่งเป็นหน่วยราชการที่จะเข้าใช้ประโยชน์โดยได้รับอนุญาตจากกองทัพบก ได้ใช้ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ขับรถแทรกเตอร์ไถคันดินที่โจทก์ทำไว้ปรับระดับให้เสมอกันเพื่อปลูกสร้างสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดนครสวรรค์ขึ้นในที่ดินพิพาท จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์และบุกรุกศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ประทับฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84, 358 ข้อหาอื่นพิพากษายกฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลแขวงพิพากษายกฟ้อง คู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา22 คดีจึงมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า การที่โจทก์ทั้งสองเข้าครอบครองที่พิพาทภายหลังพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินฯ พ.ศ. 2479ใช้บังคับ แล้วจำเลยทั้งสามนำรถแทรกเตอร์เข้าไปไถคันดินที่โจทก์ทำขึ้นเสียหาย จะเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจักต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนซึ่งได้ความว่าโจทก์ทั้งสองเข้าครอบครองทำนาในที่พิพาทภายหลังวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พุทธศักราช 2479ใช้บังคับ ต่อมากองทัพบกอนุญาตให้กรมพัฒนาที่ดินใช้ที่พิพาทเป็นที่ตั้งสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดนครสวรรค์วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นข้าราชการกรมพัฒนาที่ดินตำแหน่งหัวหน้าสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ขับรถแทรกเตอร์ไถคันดินในที่พิพาทให้ราบลงเพื่อปรับระดับที่ดินให้เสมอกัน พิเคราะห์แล้วพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พุทธศักราช 2479มาตรา 4 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478บัญญัติว่า “ที่ดินรกร้างว่างเปล่าซึ่งอยู่ภายในแนวเขตหวงห้ามตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าจับจองหักร้างเข้าจัดทำหรือปลูกสร้างด้วยประการใด ๆ ในที่ดินเหล่านั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าหน้าที่” เห็นว่าตามบทบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้ที่ดินที่เป็นที่รกร้างว่างเปล่าภายในเขตที่ระบุไว้ในแผนที่เป็นเขตหวงห้าม ดังนั้นเมื่อขณะใช้บังคับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหคีรีอำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พุทธศักราช 2479 โจทก์ทั้งสองหรือบุคคลอื่นครอบครองที่ดินพิพาทอยู่จึงเป็นที่รกร้างว่างเปล่าอันเป็นที่ดินหวงห้ามตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 10 ยังคงให้เป็นที่หวงห้ามต่อไป โจทก์ทั้งสองเข้าครอบครองในภายหลังเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหาก่อให้เกิดสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินพิพาทที่จะใช้ยันต่อรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ไม่ ที่ดินพิพาทจึงมิใช่ของโจทก์ทั้งสองการที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นข้าราชการกรมพัฒนาที่ดินซึ่งเป็นหน่วยราชการที่จะเข้าใช้ประโยชน์ได้ใช้ให้จำเลยที่ 2ที่ 3 ขับรถแทรกเตอร์ไถคันดินปรับระดับให้เสมอกัน เพื่อปลูกสร้างสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดนครสวรรค์ขึ้นในที่ดินพิพาทจึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share