คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5165/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่กรมสรรพากรโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องแทนบริษัทจำเลยที่ 1 ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้ยักยอกทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ไป เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ค่าภาษีอากรที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระแก่โจทก์นั้น มิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากรตามมาตรา 7(2) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นหนี้ค่าภาษีอากร จำเลยที่ ๑ มีทรัพย์สินแต่ถูกจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยที่ ๑ ยักยอกไป โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จึงขอใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ ๑ บังคับให้จำเลยที่ ๒ นำเงินที่ยักยอกไปมาชำระหนี้แก่โจทก์จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ค่าภาษีอากรยกฟ้องจำเลยที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าการที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องแทนจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๒ ซึ่งยักยอกทรัพย์ของจำเลยที่ ๑ ไปชำระค่าภาษีอากรแก่โจทก์ เพราะจำเลยที่ ๑ ซึ่งต้องชำระภาษีอากรไม่มีทรัพย์ใด ๆ นั้น เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากรตามมาตรา ๗ (๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.๒๕๒๘ หรือไม่ เห็นว่าปัญหาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๒ เป็นปัญหาการใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ ปัญหานี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อปัญหาที่ว่าจำเลยที่ ๑ เป็นหนี้ค่าภาษีอากรโจทก์หรือไม่ อันเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากรผ่านพ้นไปแล้ว ฉะนั้นปัญหาเรื่องการใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้แม้จะเป็นปัญหาต่อเนื่องกับปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากรดังที่โจทก์ฎีกา ก็หาใช่เป็นปัญหาเดียวกันกับปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากรที่ศาลภาษีอากรมีอำนาจ พิจารณาพิพากษาดังที่กฎหมายบัญญัติไว้ไม่
พิพากษายืน

Share