คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5152/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สถานที่จอดรถของวิทยาลัยเทคนิคชัยนาทเป็นเพียงสถานที่ซึ่งทางราชการจัดไว้สำหรับเป็นที่จอดรถของบรรดานักศึกษา ผู้มาติดต่อราชการตลอดจนข้าราชการของวิทยาลัยเท่านั้น มิใช่สถานที่ซึ่งใช้สำหรับปฏิบัติราชการของข้าราชการในวิทยาลัยโดยตรง การที่จำเลยลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปจากบริเวณสถานที่จอดรถดังกล่าว จึงไม่ใช่การลักทรัพย์ในสถานที่ราชการอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (8) วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2547 เวลากลางวัน จำเลยลักเอารถจักรยานยนต์ ไม่มีหมายเลขทะเบียน 1 คัน ราคา 41,900 บาท ของนางวิพา พบบ่อเงิน ซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายทรงศักดิ์ พบบ่อเงิน ผู้เสียหาย ขณะจอดไว้ที่สถานที่จอดรถของวิทยาลัยเทคนิคชัยนาท อันเป็นสถานที่ราชการไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (8) วรรคแรก ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 คงจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “อนึ่งคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย ซึ่งจอดไว้ที่สถานที่จอดรถของวิทยาลัยเทคนิคชัยนาท อันเป็นสถานที่ราชการไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ซึ่งศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (8) วรรคแรก แต่สถานที่จอดรถของวิทยาลัยเทคนิคชัยนาทดังกล่าวเป็นเพียงสถานที่ซึ่งทางราชการจัดไว้สำหรับเป็นที่จอดรถของบรรดานักศึกษา ผู้มาติดต่อราชการตลอดจนข้าราชการของวิทยาลัยเท่านั้น หาใช่เป็นสถานที่ซึ่งใช้สำหรับปฏิบัติราชการของข้าราชการในวิทยาลัยโดยตรงแต่อย่างใด การที่จำเลยลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปจากบริเวณสถานที่จอดรถดังกล่าว จึงไม่ใช่การลักทรัพย์ในสถานที่ราชการอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (8) วรรคแรก ดังที่โจทก์ฟ้อง จำเลยจึงคงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 เท่านั้น ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นฎีกาแต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และเห็นสมควรกำหนดโทษจำคุกจำเลยเสียใหม่ให้เหมาะสมทั้งเมื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยแล้วเพื่อเป็นการป้องปรามและสอดส่องดูแลมิให้จำเลยหวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก เห็นสมควรลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งและคุมความประพฤติจำเลยไว้ด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 3,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี และคุมความประพฤติจำเลย 2 ปี นับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาฉบับนี้ให้จำเลยฟัง โดยกำหนดเงื่อนไขให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ให้จำเลยละเว้นการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำผิดทำนองนี้อีก กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 20 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ,30

Share