แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์โดยใช้ใบสั่งซื้อ แต่โจทก์ก็ต้องใช้แม่พิมพ์ของจำเลยในการผลิตสินค้า หาใช่โจทก์ผลิตสินค้าเพื่อขายให้จำเลยโดยตรงไม่ จึงเป็นการจ้างทำของไม่ใช่ซื้อขาย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าสินค้าที่โจทก์ผลิตแล้วส่วนหนึ่ง กับค่าเสียหายในส่วนสินค้าที่ยังไม่ได้ผลิตอีกส่วนหนึ่ง แต่สินค้าในส่วนแรกจำเลยยังไม่ได้รับมอบไปจากโจทก์ จำเลยจึงยังไม่มีหน้าที่ต้องชำระสินจ้าง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 602 ในส่วนนี้จึงถือเป็นการเรียกค่าเสียหายเท่ากับราคาสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นการเรียกค่าเสียหายซึ่งไม่มีกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
แม้จำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร แต่จำเลยทำใบสั่งซื้ออันเป็นคำเสนอให้โจทก์ผลิตสินค้าไปยังภูมิลำเนาของโจทก์ที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อโจทก์ผลิตสินค้าตามคำเสนอเท่ากับโจทก์สนองรับโดยปริยาย สัญญาจ้างทำของจึงเกิดขึ้น ณ ภูมิลำเนาของโจทก์ดังกล่าวอันเป็นมูลเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ ถือว่ามูลคดีเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดสมุทรปราการ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 1,259,954.30 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 551,571 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 22 กันยายน 2543) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 3,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ จำเลยได้สั่งให้โจทก์ผลิตอุปกรณ์หม้อน้ำและฝาครอบสุขภัณฑ์อย่างละ 10,000 ชุด ตามใบสั่งซื้อ โจทก์ผลิตสินค้าดังกล่าวตามแม่พิมพ์สุขภัณฑ์ของจำเลย และได้ผลิตอุปกรณ์หม้อน้ำส่งมอบให้จำเลยครบถ้วนแล้ว สำหรับฝาครอบสุขภัณฑ์โจทก์ผลิตและส่งมอบให้จำเลยไปแล้ว 6,531 ชุด คงค้างอยู่ 3,469 ชุด แยกเป็นส่วนที่ผลิตเสร็จแล้ว 1,058 ชุด และที่พร้อมผลิตอีก 2,411 ชุด
คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยในข้อต่อมาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยจะสั่งสินค้าจากโจทก์โดยใช้ใบสั่งซื้อ แต่โจทก์ก็ต้องใช้แม่พิมพ์ของจำเลยในการผลิตสินค้าหาใช่โจทก์ผลิตสินค้าเพื่อขายให้จำเลยโดยตรงไม่ จึงเป็นการจ้างทำของไม่ใช่ซื้อขาย คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าสินค้าที่โจทก์ผลิตเสร็จแล้วส่วนหนึ่งคือฝาครอบสุขภัณฑ์ 1,058 ชุด กับค่าเสียหายในส่วนสินค้าที่ยังไม่ได้ผลิตอีกส่วนหนึ่ง แต่สินค้าในส่วนแรก จำเลยก็ไม่ได้รับมอบจากโจทก์ จำเลยจึงยังไม่มีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 602 ในส่วนนี้จึงถือเป็นการเรียกค่าเสียหายเท่ากับราคาสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นการเรียกค่าเสียหาย ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/30 นับจากวันที่โจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้คือวันที่โจทก์ผลิตสินค้าเสร็จคือวันที่ 8, 10 และ 12 มกราคม 2541 จนถึงวันฟ้องคดีนี้ในวันที่ 22 กันยายน 2543 ยังไม่เกิน 10 ปี จึงไม่ขาดอายุความ คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในข้อสุดท้ายว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น คือศาลจังหวัดสมุทรปราการหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร แต่จำเลยทำใบสั่งซื้ออันเป็นคำเสนอให้โจทก์ผลิตสินค้าไปยังภูมิลำเนาของโจทก์ที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อโจทก์ผลิตสินค้าตามคำเสนอเท่ากับโจทก์สนองรับโดยปริยาย สัญญาจ้างทำของจึงเกิดขึ้น ณ ภูมิลำเนาของโจทก์อันเป็นมูลเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ ถือว่ามูลคดีเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น คือศาลจังหวัดสมุทรปราการ โจทก์ย่อมฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (1) สำหรับฎีกาของจำเลยในข้ออื่น ไม่มีผลทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่จำต้องวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแทนโจกท์ โดยกำหนดค่าทนายความ 6,000 บาท