คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเชิญบุคคลใดเป็นตัวแทน หาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 ไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อหิน ดินลูกรัง จากโจทก์และจ้างโจทก์ขน แม้จะได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเชิญ ป.เป็นตัวแทนของจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม และการที่ป.ซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขน ก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเอง ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๑๔ ถึงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ จำเลยสั่งซื้อหิน ดินลูกรังจากโจทก์และจ้างโจทก์ขนหิน ดินลูกรัง เพื่อก่อสร้างหลวงสายอุทุมพรไปอำเภอคำเขื่อนแก้ว รวมเป็นเงิน ๑๑๔,๕๓๐ บาท รายละเอียดตามบัญชีท้ายฟ้อง จำเลยได้รับหินและดินลูกรังและครบกำหนดที่จะต้องชำระเงินให้โจทก์แล้ว โจทก์ทวงถามให้ชำระเงิน จำเลยไม่ชำระ จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ขอให้บังคับจำเลยชำระให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่รู้จักโจทก์ ไม่เคยซื้อของจากโจทก์ดังโจทก์ฟ้องและไม่มีเอกสารหรือหลักฐานการซื้อขาย สำเนารายการสั่งซื้อหินและดินลูกรังท้ายฟ้องไม่มีลายเซนต์ผู้มีอำนาจของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลและไม่มีตราประทับ เอกสารจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่ได้ทวงถามจำเลยก่อนฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๑๙,๕๔๐ บาทให้โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๑๑๔,๕๓๐ บาทตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยประมูลสร้างทางสายอุทุมพร อำเภอคำเขื่อนแก้ว จากกรมทางหลวงแผ่นดินได้ จำเลยได้ทำสัญญาให้นายประกิต พวงชัยพฤกษ์กับนายมนัสรับช่วงงานไปทำ จำเลยปักป้ายไว้ที่หน่วยงานที่ทำมีข้อความว่า จำเลยเป็นผู้รับเหมาสร้างทางสายนั้นและระบุว่า นายประกิจเป็นผู้จัดการสนาม นายมนัสเป็นช่างควบคุม นายประกิตทำสัญญาซื้อหินและดินลูกรังจากโจทก์และจ้างโจทก์ขนหินและดินลูกรังตามเอกสารหมาย ล.๑ เมื่อผู้รับช่วงงานทำงานเสร็จบางงวด จำเลยเป็นผู้ตรวจงาน และเป็นผู้รับเงินประจำงวดจากกรมทางหลวงแผ่นดิน โจทก์ส่งหินและลูกรังมาให้ทำทางสายนั้นเป็นเงิน ๑๑๔,๕๓๐ บาท และยังไม่ได้รับชำระราคา
วินิจฉัยว่า โจทก์เชื่อโดยสุจริตว่านายประกิตเป็นตัวแทนของจำเลยโดยจำเลยเชิญนายประกิจว่าเป็นตัวแทนของจำเลย แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๙๘ บัญญัติว่า กิจการใดกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนต้องทำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ ซึ่งจำเลยฎีกาด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการเชิญบุคคลใดเป็นตัวแทน หาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือมีหลักฐานเป็นหนังสือไม่ จำเลยจึงต้องรับชำระหนี้ที่นายประกิตก่อกับโจทก์เพราะการเป็นตัวแทนเชิด
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาซื้อขายและสัญญาจ้าง ศาลจะพิพากษาให้จำเลยรับผิดในเรื่องตัวแทนเชิดเป็นการนอกเหนือไปจากคำฟ้อง ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ และเป็นฟ้องเคลือบคลุม ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยนายเชิดประกิตเป็นตัวแทนของจำเลยแล้ว นายประกิตซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขนก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเอง โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อหิน ดินลูกรังจากโจทก์และจ้างโจทก์ขนจึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม และศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง
พิพากษายืน

Share