แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 กู้ยืมไปจากโจทก์โดยมีข้อตกลงผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนโจทก์เป็นงวด ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงกำหนดวิธีชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินคืนโดยผ่อนทุนคืนเป็นงวดๆ สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2)
จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ครั้งสุดท้ายวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2538 ซึ่งเป็นการชำระผิดไปจากข้อตกลง จำเลยที่ 1 จึงได้ชื่อว่าผิดนัด โจทก์จึงมีสิทธิบังคับสิทธิเรียกร้องได้ทั้งหมดนับแต่นั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/12 โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548 จึงพ้นกำหนดอายุความ 5 ปี คดีของโจทก์ในส่วนหนี้เงินกู้จึงขาดอายุความ
แม้หนี้ตามสัญญากู้เงินอันเป็นหนี้ประธานจะขาดอายุความ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจำนองยังคงมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองซึ่งโอนไปเป็นของจำเลยที่ 2 แล้วได้ แต่จะใช้สิทธินั้นบังคับให้ชำระดอกเบี้ยที่ค้างย้อนหลังเกินห้าปีขึ้นไปไม่ได้เท่านั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/27
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 1,812,174.12 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี ของต้นเงิน 598,230.26 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 1 ชำระเบี้ยประกันภัยทรัพย์จำนองที่โจทก์ออกแทนไปจำนวน 974.77 บาท ทุกสามปีเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2549 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จ หากไม่ชำระ ขอให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้จนครบถ้วน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดพิจารณา ศาลมีคำสั่งให้สืบพยานหลักฐานโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ไปฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า หนี้ส่วนเงินกู้ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ต้นเงิน 582,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548) ย้อนขึ้นไปไม่เกินห้าปี และดอกเบี้ยอัตราเดียวกันนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และในต้นเงิน 974.77 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้ยึดห้องชุดเลขที่ 183/88 และเลขที่ 183/89 ชั้นที่ 3 ชื่ออาคารชุดสายลมคอนโดเทล ทะเบียนอาคารชุดเลขที่ 8/2534 ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 55383 ตำบลทุ่งสองห้อง อำเภอดอนเมือง จังหวัดกรุงเทพมหานคร ออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์ แต่ทั้งนี้จำเลยที่ 1 รับผิดไม่เกินราคาขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ คดีโจทก์ในส่วนหนี้เงินกู้ขาดอายุความหรือไม่ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2535 จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์จำนวน 582,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ตกลงผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนโจทก์เป็นงวดรายเดือน เดือนละ 7,950 บาท ภายในวันที่ 23 ของทุกเดือนตลอดไปให้เสร็จสิ้นภายใน 13 ปี หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด ให้โจทก์บังคับชำระหนี้ได้ทันทีและยอมให้โจทก์นำดอกเบี้ยค้างชำระเกินกว่า 1 ปี ทบเข้ากับต้นเงิน พร้อมกันนี้จำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนห้องชุด ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 55383 ตำบลทุ่งสองห้อง อำเภอดอนเมือง จังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ดังกล่าวในวงเงิน 582,000 บาท จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2538 ต่อมาวันที่ 28 สิงหาคม 2538 จำเลยที่ 2 ประมูลซื้อทรัพย์จำนองไปจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยการจำนองติดไป โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยที่ 2 แล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย โจทก์นำคดีมาฟ้อง เห็นว่า ตามหนังสือสัญญากู้เงิน มีข้อสัญญาระบุให้ผู้กู้ชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญานี้ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดระยะเวลา 13 ปี นับแต่วันทำสัญญา และจะชำระดอกเบี้ยและเงินต้นตามสัญญานี้ให้แก่ผู้ให้กู้เป็นรายเดือนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 7,950 บาท ภายในวันที่ทำหนังสือสัญญากู้เงินทุกเดือนตลอดไปนับแต่เดือนถัดต่อจากเดือนที่ทำสัญญากู้เงินดังกล่าวเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น และยังระบุว่าหากผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระหนี้งวดหนึ่งงวดใดยอมให้ผู้ให้กู้เรียกให้ชำระเงินและดอกเบี้ยที่ค้างชำระอยู่ทั้งหมดคืนได้ทันที
หนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้ที่จำเลยที่ 1 กู้ยืมไปจากโจทก์โดยมีข้อตกลงผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนโจทก์เป็นงวดรายเดือนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 7,950 บาท ภายในวันที่ 23 ของทุกเดือนตลอดไปให้เสร็จสิ้นภายใน 13 ปี หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด ให้โจทก์บังคับชำระหนี้ได้ทันที ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงกำหนดวิธีชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินคืนโดยผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) เมื่อปรากฏว่าหลังจากทำสัญญากู้ยืมเงิน จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระและผิดนัดไม่ชำระหนี้โดยชำระหนี้ครั้งสุดท้ายวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2538 เป็นเงินจำนวน 988 บาท ซึ่งเป็นการชำระผิดไปจากข้อตกลง จำเลยที่ 1 จึงได้ชื่อว่าผิดนัด โจทก์จึงมีสิทธิบังคับสิทธิเรียกร้องได้ทั้งหมดนับแต่นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/12 อายุความจึงเริ่มนับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปคือวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2538 โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548 จึงพ้นกำหนดอายุความ 5 ปี คดีของโจทก์ในส่วนหนี้เงินกู้จึงขาดอายุความ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยผล อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง แม้หนี้ตามสัญญากู้เงินอันเป็นหนี้ประธานจะขาดอายุความ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจำนองยังคงมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองซึ่งโอนไปเป็นของจำเลยที่ 2 แล้วได้ แต่จะใช้สิทธินั้นบังคับให้ชำระดอกเบี้ยที่ค้างย้อนหลังเกินห้าปีขึ้นไปไม่ได้เท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/27 เมื่อหนี้ตามสัญญากู้เงินขาดอายุความแล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินแก่โจทก์อีก คงต้องรับผิดเฉพาะในเงินค่าเบี้ยประกันภัยจำนวน 974.77 บาท ที่โจทก์ได้ชำระแทนไปและจำเลยที่ 1 ยังค้างชำระเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ในส่วนที่ขาดอายุความแก่โจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ แต่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวข้องด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยจำนวน 974.77 บาท แก่โจทก์ และให้บังคับจำนองขายทอดตลาดห้องชุด ที่ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 55383 ตำบลทุ่งสองห้อง อำเภอดอนเมือง จังหวัดกรุงเทพมหานคร ของจำเลยที่ 2 เพื่อชำระหนี้จำนอง 582,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องย้อนหลังขึ้นไป 5 ปี และนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น