แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทอยู่ในเขตต์ที่สงวนรัฐบาลฝรั่งเศส แต่ราษฎรเข้าอยู่ เมื่อดินแดนส่วนนั้นตกมาเป็นของคนไทยแล้ว ผู้ครอบครองโอนให้จำเลยหากผู้ครอบครองเดิมรับตราจองมาแล้วโอนขายให้ผู้ใดโดยผู้ซื้อรู้ความจริงแล้ว ผู้ซื้อย่อมไม่ได้สิทธิในที่ดิน
ย่อยาว
ได้ความว่า เดิมที่พิพาทเป็นที่ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสสงวนไว้ นายแฮนจำเลยกับราษฎรอื่นได้เข้าปกครองมาส่วนนางนีฮายนายยินได้ขอต่อผู้ใหญ่บ้านแล้วปลูกเรือนอยู่มาจนจังหวัดพระตะบองตกเป็นของโทษ พ.ศ.๒๔๘๗ นางนีอายขายที่ให้แม่ยายนายโมวจำเลย ต้น พ.ศ.๒๔๘๘ นายยินขายที่ให้นางเมเกียง ต่อมานางนีฮายนายยินได้ขอตราจองโดยโจทก์ช่วยเหลือ เมื่อได้ตราจองแล้วโอนขายให้โจทก์ในวันรุ่งขึ้น โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ขัลไล่จำเลย
ศาลจังหวัดพระตะบองยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้นางนีฮายและนายยินขายที่ให้จำเลย แต่จำเลยมิได้คัดค้านจนเจ้าพนักงานออกตราจองให้คนทั้งสองนั้น แล้วโอนขายให้โจทก์ต้องบังคับตาม ป.ม.แพ่ง ฯ ม.๑๒๙๙ วรรค ๒ จำเลยสืบไม่ได้ว่าโจทก์ไม่สุจริตอย่างไร จึงพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า พฤตติการณ์แสดงว่านายนีฮายและนายยินสละการครอบครองแล้ว โจทก์รู้ดีแล้วยังช่วยเหลือให้จับจอง แล้วรับซื้อการได้มาไม่สุจริต จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง