แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยส่วนที่ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท และทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยไม่รับฎีกาจำเลย คืนค่าขึ้นศาลเฉพาะชั้นฎีกาให้จำเลยทั้งหมด จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ใบมอบอำนาจและสัญญากู้ยืมเงินปิดอากรแสตมป์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และโจทก์มีสิทธิ ได้ดอกเบี้ยค้างชำระเพียง 5 ปีเท่านั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 100,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน จำนวน 100,000 บาท ดังกล่าว นับแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2531 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 65) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ โดยไม่ได้นำค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 67)
คำสั่ง จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกัน มาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วย มาตรา 247 ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ไม่รับฎีกาของจำเลย ค่าคำร้องให้เป็นพับ
