แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อกำหนดในพินัยกรรมที่มอบให้บุคคลใดเป็นผู้ปกครองทรัพย์จะจัดแบ่งให้แก่ใครเท่าใดแล้วแต่ผู้นั้นจะเห็นสมควรนั้น เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1706 ข้อ 3
ถ้ามีปัญหาเกี่ยวด้วยความสามารถของผู้ทำพินัยกรรมต้องใช้กฎหมายในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมบังคับ แต่ถ้าเป็นปัญหาในเรื่องผลของพินัยกรรม ศาลต้องใช้กฎหมายในขณะที่พินัยกรรมนั้นมีผลบังคับ คือในเวลาที่ผู้ทำพินัยกรรมตาย
ปัญหาว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมเป็นโมฆะหรือไม่นั้น เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่ได้ว่ากันมาแต่ในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์นอกพินัยกรรมจากจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยวินิจฉัยว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมข้อ 3 ซึ่งมีข้อความว่า “ทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้า ซึ่งมิได้กล่าวในพินัยกรรมนี้ ข้าพเจ้าขอมอบให้นางละเวงภรรยาข้าพเจ้าปกครองรักษาพร้อมกับนางชุ่มน้องสาวข้าพเจ้า แล้วแต่พร้อมกับเห็นสมควรจะจัดแบ่งกับบุตรข้าพเจ้าผู้ใดก็ได้ นั้นตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1706 ข้อ 3 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาคงเห็นด้วยกับข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า ข้อกำหนดในพินัยกรรมข้อ 3 นี้เป็นโมฆะโดยบทกฎหมายดังกล่าวมาแล้ว ส่วนข้อที่จำเลยค้านว่า ผู้ตายทำพินัยกรรมฉบับนี้ไว้ก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 แม้จะมาตายภายหลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 แล้วก็ดี ก็นำประมวลแพ่ง บรรพ 6 มาใช้บังคับไม่ได้นั้นศาลฎีกาเห็นว่าถ้าเป็นปัญหาในเรื่องความสามารถของผู้ทำพินัยกรรม ก็ต้องใช้กฎหมายในขณะที่ทำพินัยกรรมนั้นมาใช้บังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1654 แต่ในคดีนี้เป็นปัญหาในเรื่องผลของพินัยกรรม จึงต้องใช้กฎหมายในขณะที่ทำพินัยกรรมนั้นมีผลบังคับคือ ในเวลาที่ผู้ทำพินัยกรรมตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1673 และในข้อที่ว่า ปัญหาข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้น ก็เห็นว่าปัญหาในเรื่องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนเพราะกฎหมายบัญญัติว่าเป็นโมฆะ ศาลอุทธรณ์จึงยกขึ้นวินิจฉัยได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์