คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำยอมรื้อเรือนออกจากที่ดินของโจทก์แล้ว การที่จำเลยขายเรือนหลังนั้นให้บุคคลภายนอกไป โดยเสียค่าเช่าที่ให้ จำเลยและโจทก์ไม่ทราบด้วยนั้น ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากหน้าที่ต้องรื้อเรือนตามยอม

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินมีโฉนดของโจทก์ซึ่งจำเลยเช่าอยู่ คู่ความได้ทำยอมต่อศาลมีใจความว่า จำเลยยอมรื้อเรือนออกจากที่ดิน แต่โจทก์ยอมให้ค่าทำขวัญ300 บาท เมื่อทำสัญญายอมความเช่นนี้แล้ว โจทก์ได้นำเงิน 300 บาท มาวางศาล ฝ่ายจำเลยรื้อเรือนออกจากที่ไปแล้วหนึ่งหลัง ส่วนเรือนอีกหลังหนึ่งซึ่งจำเลยปลูกสร้างขึ้นนั้น จำเลยว่าได้ขายให้แก่นายจุนไน้นายจุนไน้ได้เข้าอยู่ในเรือนนั้น และเสียค่าเช่าแก่จำเลยการขายนี้ฝ่ายโจทก์ไม่ทราบ เรือนหลังนี้ยังไม่ได้รื้อไป

ได้ความดังนี้ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโจทก์ที่ขอให้บังคับจำเลยรื้อเรือนนายจุนไน้

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นายจุนไน้เป็นคนนอกสำนวนคดีไม่ปรากฏว่านายจุนไน้ได้ร้องสอดเข้ามาในคดี ศาลจะหยิบยกเอาเรื่องของนายจุนไน้มาวินิจฉัยไม่ชอบ พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลแขวงบังคับให้จำเลยรื้อเรือนอีกหลังหนึ่งออกจากที่ดินของโจทก์

จำเลยฎีกา ศาลฎีกาปรึกษาเห็นว่า เรือนหลังนี้จำเลยได้ปลูกขึ้นในที่ของโจทก์แล้วขายให้แก่นายจุนไน้โดยโจทก์ไม่ทราบ เมื่อจำเลยทำสัญญายอมความจะรื้อออกไปต่อศาลแล้ว ศาลย่อมบังคับให้จำเลยรื้อเรือนที่ปลูกไว้ในที่ของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 เพราะการที่นายจุนไน้ได้เข้ามาอยู่ในที่ของโจทก์ก็โดยอาศัยสิทธิของจำเลย พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ในข้อที่ให้จำเลยรื้อเรือนนี้ออกจากที่พิพาท

Share