แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การวางเงินค่าทำขวัญต่อศาลตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290ข้อ 24 วรรคแรก ย่อมหมายถึงการวางเงินค่าทำขวัญต่อ สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เมื่อจำเลย ที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์กระทำในนามของ จำเลยที่ 1 นำเงินค่าทำขวัญสำหรับที่ดินที่โจทก์ถูกเวนคืนที่โจทก์ ไม่ยอมรับไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี ย่อมถือว่า เป็นการวางเงินค่าทำขวัญต่อศาลแล้วดังนี้เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกเงิน ค่าทำขวัญที่โจทก์ควรจะได้เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์วางเงินค่าทำขวัญต่อศาล คดีโจทก์ จึงขาดอายุความตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ข้อ 24 วรรคสอง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 20599ซึ่งถูกเวนคืนเพื่อสร้างทางพิเศษสายดาวคะนอง-ท่าเรือ เป็นเนื้อที่12 ตารางวา จำเลยได้กำหนดค่าทดแทนสำหรับที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนตารางวาละ 1,200 บาท ซึ่งไม่ใช่ราคาที่ซื้อขายในท้องตลาดและไม่เป็นธรรม เพราะที่ดินของโจทก์มีราคาตารางวาละ 10,000 บาทจึงไม่อาจตกลงกันได้ จำเลยนำเงินค่าทดแทนที่ดินที่จำเลยกำหนดไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี เพื่อชำระแก่โจทก์โจทก์ไปรับเงินค่าทดแทนที่ดินจากสำนักงานวางทรัพย์กลางแล้ว จึงขอเรียกค่าทดแทนเพิ่มอีกตารางวาละ 8,800 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 105,600 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2525ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 33,528 บาท และนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ได้วางเงินค่าทำขวัญต่อศาล จำเลยที่ 1 ได้พิจารณากำหนดค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนเพิ่มขึ้นอีก 105,600 บาท และไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าทดแทนที่ดินแก่โจทก์จำนวน 3 ตารางวา เป็นเงิน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2525 จนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 1 ขอถอนฎีกา ศาลฎีกาสั่งอนุญาต จำหน่ายคดีเฉพาะฎีกาจำเลยที่ 1 จากสารบบความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของโจทก์ว่าฟ้องโจทก์ที่เรียกค่าทำขวัญเพิ่มสำหรับที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนเนื้อที่ 9 ตารางวา ขาดอายุความหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า ที่ดินโฉนดที่ 20599 ของโจทก์ถูกจำเลยที่ 1 เวนคืนโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตบางขุนเทียน เขตราษฎร์บูรณะ และเขตยานนาวา กรุงเทพมหานครพ.ศ. 2525 เพื่อสร้างทางพิเศษสายดาวคะนอง-ท่าเรือ คิดเป็นเนื้อที่12 ตารางวา จำเลยที่ 1 กำหนดค่าทำขวัญหรือค่าทดแทนที่ดินให้โจทก์ตารางวาละ 1,200 บาท เป็นเงิน 14,400 บาท โจทก์ไม่พอใจอ้างว่าที่ดินของโจทก์อยู่ในย่านชุมนุมชนมีราคาไม่ต่ำกว่าตารางวาละ10,000 บาท และไม่ยอมรับเงินค่าทำขวัญที่ดินตามที่จำเลยที่ 1กำหนด จำเลยที่ 1 จึงนำเงินค่าทำขวัญไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์กลางกรมบังคับคดี ครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2528 สำหรับที่ดินที่ถูกเวนคืน เนื้อที่ 9 ตารางวา ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม2529 สำหรับที่ดินที่ถูกเวนคืนเนื้อที่ 3 ตารางวา โจทก์ได้รับเงินค่าทำขวัญที่จำเลยวางครั้งแรกแล้ว ส่วนครั้งที่สองโจทก์ยังไม่ได้ไปรับ โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าทำขวัญที่ดินสำหรับส่วนที่โจทก์ควรจะได้เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2529
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฎีกาว่า ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290ข้อ 24 กำหนดว่า ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทำขวัญไม่ยอมรับชำระ ให้เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์นำเงินไปวางต่อศาลจำเลยที่ 1 นำเงินค่าทำขวัญไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางกรมบังคับคดี เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นว่าตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 216 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 ข้อ 21 กระทรวงยุติธรรมมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการศาลยุติธรรม แต่ไม่รวมถึงการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี การวางทรัพย์ต่อศาลถือได้ว่าเป็นงานที่เกี่ยวกับการศาลยุติธรรมที่ไม่ใช่การพิจารณาพิพากษาอรรถคดี แม้ต่อมาจะมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมพ.ศ. 2518 ใช้บังคับให้สำนักงานวางทรัพย์กลางเป็นส่วนราชการของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ก็ตาม การวางทรัพย์ก็ยังคงเป็นงานที่เกี่ยวกับการศาลยุติธรรมอยู่ ทั้งกระทรวงยุติธรรมได้ออกระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการวางทรัพย์ สำนักงานวางทรัพย์กลางกรมบังคับคดี พ.ศ. 2518 ในข้อ 2 ระบุว่าลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกอาจวางทรัพย์ต่อสำนักงานวางทรัพย์ได้ในกรณีต่อไปนี้
ฯลฯ
(5) กรณีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น
(6) กรณีตามคำสั่งศาลภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมาย เช่นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ดังนั้นการวางเงินค่าทำขวัญต่อศาลตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ข้อ 24 วรรคแรกย่อมหมายถึงการวางเงินค่าทำขวัญต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง จำเลยที่ 2ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์กระทำการในนามของจำเลยที่ 1 นำเงินค่าทำขวัญสำหรับที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนเนื้อที่9 ตารางวา ที่โจทก์ไม่ยอมรับไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางกรมบังคับคดี ตามนัยแห่งระเบียบดังกล่าว เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2528ซึ่งถือว่าเป็นการวางเงินค่าทำขวัญต่อศาลแล้ว โจทก์ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว และฟ้องเรียกเงินค่าทำขวัญส่วนที่โจทก์ควรจะได้เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2529 จึงพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์วางเงินค่าทำขวัญต่อศาล คดีโจทก์ในส่วนนี้จึงขาดอายุความตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290ข้อ 24 วรรคสอง ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยนำเงินค่าทำขวัญที่ดินไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดีสองครั้ง ไม่ชอบด้วยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวนั้น ทางพิจารณาได้ความจากนายดุลย์ลือสวัสดิ์ นิติกรของจำเลยที่ 1 ว่า เหตุที่จำเลยที่ 1 วางเงินสองครั้งนั้นเพราะครั้งแรกช่างสำรวจของจำเลยที่ 1 ได้ประมาณไว้ว่าที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเนื้อที่ 9 ตารางวา ต่อมาเมื่อกรมที่ดินได้รังวัดแบ่งแยกที่ดินแท้จริงทราบว่าที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเนื้อที่ 12 ตารางวา จำเลยที่ 1 จึงได้วางเงินค่าทำขวัญที่ดินให้โจทก์เพิ่มขึ้นอีก 3 ตารางวา ในครั้งหลัง เห็นว่า จำเลยที่ 1วางเงินค่าทำขวัญที่ดินสองครั้ง เพื่อให้ครบถ้วนตามจำนวนที่ดินที่ถูกเวนคืน เป็นการกระทำที่ชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.