คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยประกาศแจ้งการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้างอาคารของจำเลยโจทก์ยื่นซองประกวดราคาโดยเสนอราคาต่ำกว่ารายอื่น เมื่อปรากฏตามประกาศแจ้งการประกวดราคาของจำเลยดังกล่าวว่าจำเลยทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเลือกจ้างผู้ประกวดราคารายใดก็ได้ หาจำต้องว่าจ้างผู้เสนอราคาต่ำสุดเสมอไปไม่ประกอบกับการที่ต่อมาโจทก์กับจำเลยได้เจรจา แต่ตกลงกันไม่ได้ในรายละเอียดการก่อสร้างและกำหนดการจ่ายค่าจ้าง จึงยังมิได้ทำสัญญากัน ดังนี้ จึงหามีผลผูกพันให้จำเลยต้องยอมให้โจทก์เข้าทำการก่อสร้างอาคารโดยไม่ต้องทำสัญญากันไม่และจะถือว่า จำเลยทำผิดสัญญาหาได้ไม่
โจทก์ยื่นซองประกวดราคาโดยเสนอราคา 9,250,000 บาทต่ำกว่ารายอื่น แม้จำเลยจะมีเงินทุนที่จดทะเบียนไว้เพียง 1 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าจำเลยจะได้เงินค่าก่อสร้างล่วงหน้าจากผู้มาสั่งจองซื้ออาคารถึง 80 คูหา ๆ ละประมาณสองแสนบาท และจำเลยสามารถเบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารได้ในวงเงิน 5 ล้านบาท แสดงว่าจำเลยมีเงินพอชำระค่าก่อสร้างให้โจทก์ และมีเจตนาที่จะทำการก่อสร้างจริงๆ ไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาไม่สุจริตโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหายเหตุที่ไม่มีการทำสัญญากันเพราะตกลงกันไม่ได้ในรายละเอียดจำเลยจึงหาได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกาศแจ้งการประกวดราคารับเหมาก่อสร้างอาคารผ่านการค้าสัตว์ปีกคลองตันของจำเลย โจทก์ยื่นซองประกวดราคาโดยเสนอราคา 9,250,000 บาท แล้วจำเลยประกาศและแจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์เป็นผู้ชนะการประกวดราคา แต่ต่อมาจำเลยกลับเพิกเฉยหน่วงเหนี่ยวในการจะเซ็นสัญญาและไม่ยอมให้โจทก์เข้าทำการก่อสร้างโดยไม่มีเหตุผล เพราะจำเลยไม่มีเงินพอ เป็นการไม่สุจริต ละเมิด และผิดสัญญา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยโจทก์ตระเตรียมจะก่อสร้าง ทำสัญญาสั่งจองและวางมัดจำ อิฐ หิน ทรายเหล็ก สี ปูนซีเมนต์ ไม้แบบ ค่าธรรมเนียมที่ธนาคารออกหนังสือค้ำประกันซองค่าวิศวกรและสถาปนิกคำนวณแบบแปลน และค่ามัดจำซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างอื่น ๆ โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเพียง 1,000,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การและแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่า ใบประกวดราคาของโจทก์ไม่แยกรายการ เป็นการเอาเปรียบจำเลย ที่รับใบประกวดราคาของโจทก์ไว้เพราะเสนอราคาต่ำกว่ารายอื่น และเป็นเพียงการตกลงจะให้โจทก์ได้ก่อสร้างเท่านั้นซึ่งจะต้องตกลงในรายละเอียดต่อไป แล้วจึงจะทำสัญญา แต่ตกลงกันได้เพียงบางส่วน จึงมิได้ทำสัญญาต่อกัน จำเลยมิได้ทำละเมิด มีเจตนาที่จะทำการก่อสร้างจริง ๆ และสามารถชำระค่าก่อสร้างได้ โจทก์มิได้เตรียมงานหรือวางมัดจำสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องสูงเกินส่วน ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ชนะการประกวดราคาหามีผลให้จำเลยต้องว่าจ้างโจทก์ไม่ เมื่อโจทก์จำเลยยังไม่ได้ทำสัญญากันจึงยังไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกันอันจะบังคับกันได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญาและจำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประกาศแจ้งการประกวดราคาตามสำเนาหมาย 2ท้ายฟ้อง ข้อ 8 มีความว่า “คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาจะพิจารณาคัดเลือกและยึดเงินประจำซองผู้ยื่นซองประกวดราคาที่เห็นสมควรจะได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้รับจ้างไว้เป็นเวลาไม่เกิน 3 วัน แต่ไม่เกิน 3 รายจนกว่าจะมีการทำสัญญาจ้างกับรายใดรายหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย หรือมีการยกเลิกประกวดราคา ฯลฯ” และข้อ 11 มีความว่า “การแจ้งความประกวดราคาครั้งนี้ บริษัทผู้เรียกประกวดราคาทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเลือกจ้างผู้ประกวดราคารายใดก็ได้ โดยไม่จำต้องว่าจ้างผู้เสนอราคาต่ำสุดเสมอไป หรือจะยกเลิกการประกวดราคาเสียทั้งหมดก็ได้ เมื่อคณะกรรมการได้ลงมติชี้ขาดเห็นว่าไม่สมควรให้ผู้เสนอราคาต่ำสุดเป็นผู้รับจ้าง ฯลฯ เงื่อนไขการแจ้งความประกวดราคา 2 ข้อดังกล่าวนี้มีความชัดแจ้งอยู่ในตัวแล้วว่า ผู้เสนอราคาต่ำสุดอาจมิใช่ผู้ทำสัญญาก่อสร้างอาคารกับจำเลยผู้เรียกประกวดราคาเพราะจำเลยทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะเลือกจ้างผู้ประกวดราคารายใดก็ได้ หาจำต้องว่าจ้างผู้เสนอราคาต่ำสุดเสมอไปไม่ทั้งยังอาจจะยกเลิกการประกวดราคาเสียทั้งหมดก็ได้ อนึ่ง เมื่อจำเลยตกลงจะจ้างผู้เสนอราคารายใดแล้วก็ยังมีขั้นตอนอีกขั้นหนึ่งคือการทำสัญญาจ้าง จึงจะมีผลผูกพันเป็นสัญญาระหว่างกัน ข้อเท็จจริงได้ความจากทางพิจารณาว่า หลังจากเปิดซองประกวดราคาแล้ว โจทก์กับจำเลยได้เจรจากันในรายละเอียดในการก่อสร้างและกำหนดงวดการจ่ายค่าจ้างหลายครั้ง แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงยังมิได้ทำสัญญากัน กรณีที่จะมีสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยมีขั้นตอนความเป็นมาเช่นนี้จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่า จำเลยรับใบประกวดราคาของโจทก์ไว้เพียงเพื่อให้โจทก์จำเลยได้ตกลงกันในรายละเอียดในการก่อสร้างแล้วจึงทำสัญญากันอีกชั้นหนึ่งเท่านั้นหามีผลผูกพันให้จำเลยต้องยอมให้โจทก์เข้าทำการก่อสร้างอาคารโดยไม่ต้องทำสัญญากันไม่ เมื่อยังไม่มีการทำสัญญากันเพราะตกลงกันไม่ได้ดังกล่าวแล้ว โจทก์จะถือว่าจำเลยทำผิดสัญญาหาได้ไม่

ส่วนในเรื่องละเมิดนั้น การที่โจทก์อ้างว่า จำเลยน่าจะไม่มีเงินชำระค่าก่อสร้างให้โจทก์ได้ถ้าโจทก์รับทำการก่อสร้างให้นั้น เป็นการคาดคะเนเอาอย่างเลื่อนลอยของโจทก์ทั้งสิ้น แม้จำเลยจะมีเงินทุนที่จดทะเบียนไว้เพียง1 ล้านบาทเท่านั้น แต่ปรากฏว่าจำเลยนำสืบได้ว่า จำเลยจะได้เงินค่าก่อสร้างล่วงหน้าจากบรรดาผู้ค้าสัตว์ปีกซึ่งจะมาสั่งจองซื้ออาคารถึง 80 คูหา ๆ ละประมาณสองแสนบาท และจำเลยสามารถเบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารได้ในวงเงิน 5 ล้านบาท อนึ่งในวงการค้า และก่อสร้างเป็นที่ทราบกัน โดยทั่วไปว่าไม่ต้องจ่ายค่าจ้างทีเดียวหมด โดยมีการแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ตามผลงานที่ทำเสร็จไปตามความตกลงของคู่สัญญา ฉะนั้น การประกวดราคาของจำเลยครั้งนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาที่จะทำการก่อสร้างจริง ๆที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมรายการก่อสร้างไปบ้างจำเลยก็นำสืบฟังได้ว่า เพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของผู้จะมาสั่งจองซื้ออาคารไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย เหตุที่ไม่มีการทำสัญญากันและโจทก์ไม่ได้ทำการก่อสร้างรายนี้ก็เพราะโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ในรายละเอียดเพื่อทำสัญญาต่างหากจำเลยหาได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ไม่

พิพากษายืน

Share