คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1720/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ว่าพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 จะให้สิทธิแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้กับจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้หักกลบลบหนี้กันได้ แต่วิธีหักกลบลบหนี้ก็จะต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 342 โดยแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง ปรากฏว่าเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยอายัดเงินที่ผู้ร้องเป็นลูกหนี้จำเลย และให้ส่งเงินนั้นแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์. ผู้ร้องได้ส่งเงินฝากดังกล่าว ให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยไม่แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ หนี้เงินฝากระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้ร้องเป็นอันระงับลงสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้ย่อมสิ้นสุดลง ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอหักกลบลบหนี้

ย่อยาว

ผู้ร้องร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยได้ขอให้ส่งเงินฝากทั้งหมดของจำเลยให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตัวแทนของผู้ร้องจึงได้ส่งไปให้ จำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจำนวนหนึ่ง เมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วผู้ร้องกลับเป็นเจ้าหนี้จำเลย ผู้ร้องจึงร้องขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ส่งเงินทั้งหมดคืน แต่ได้รับการปฏิเสธ จึงขอให้ศาลบังคับ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า การที่ผู้ร้องส่งเงินให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นเป็นการแสดงเจตนาสละสิทธิขอหักกลบลบหนี้แล้ว ขณะผู้ร้องยื่นคำร้องขอหักกลบลบหนี้ ผู้ร้องมิได้เป็นหนี้จำเลย จึงไม่มีหนี้ที่จะหักกลบลบกันได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ ให้สิทธิแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้กับจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้หักกลบลบหนี้กันได้แต่วิธีหักกลบลบหนี้ก็จะต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๒ โดยแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง ปรากฏว่าเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองอายัดเงินที่ผู้ร้องเป็นลูกหนี้จำเลยที่ ๑ และให้ส่งเงินนั้นแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้องได้ส่งเงินฝากดังกล่าวให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยไม่ได้แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้หนี้เงินฝากระหว่างจำเลยที่ ๑ กับผู้ร้องเป็นอันระงับลงสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้ย่อมสิ้นสุด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอหักกลบลบหนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้วฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share