คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝาก และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับไถ่การขายฝาก โดยให้นำเงินสินไถ่มาวางศาลเพื่อชำระแก่จำเลยภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันพิพากษา เมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ต่อมาได้ยื่นคำแถลงว่าโจทก์ผิดนัดไม่นำเงินสินไถ่มาวางศาลภายในกำหนดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนี้ คดีย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป เพราะทรัพย์ที่ขายฝากหลุดเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย โจทก์หมดสิทธิที่จะไถ่ถอนคืนแล้ว ศาลฎีกาจึงให้จำหน่ายคดี คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาของจำเลย 3 ใน 4 พร้อมด้วยคาตัดสินและค่าคำบังคับ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าได้ขายฝากที่ดินไว้แก่จำเลยเป็นเงิน ๑๐๕,๐๐๐ บาท กำหนดไถ่คืนใน ๔ ปี แต่จำเลยนำดอกเบี้ยอีก ๕๐,๐๐๐ บาทมารวมไว้ด้วย จึงระบุในสัญญาขายฝากเป็นเงิน ๑๕๕,๐๐๐ บาท โจทก์ขอไถ่ภายในกำหนด จำเลยบิดพลิ้ว จึงขอให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝากเป็นเงิน ๑๐๕,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่าโจทก์ขายฝากเป็นเงิน ๑๕๕,๐๐๐ บาท โจทก์มิได้ไถ่ถอนภายในกำหนด โจทก์จึงไม่มีสิทธิไถ่ถอนคืน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยรับไถ่การขายฝากในเงิน ๑๐๕,๐๐๐ บาท โดยให้นำเงินมาวางศาลเพื่อชำระแก่จำเลยภายใน ๓๐ วันนับตั้งแต่วันพิพากษา มิฉะนั้นให้ทรัพย์ที่ขายฝากหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลย
จำเลยฎีกา และต่อมาได้ยื่นคำแถลงว่าโจทก์ผิดนัดไม่นำเงิน ๑๐๕,๐๐๐ บาทมาวางศาลภายในกำหนดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นยังให้คดีนี้ไม่มีประโยชน์ในอันที่จะต้องพิจารณาต่อไป กล่าวคือ เมื่อโจทก์ไม่นำเงินจำนวน ๑๐๕,๐๐๐ บาทมาวางศาลตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทรัพย์ที่ขายฝากย่อมหลุดเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย โจทก์หมดสิทธิที่จะไถ่ถอนคืนโดยผลแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น คดีก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป จึงให้จำหน่ายคดี คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาของจำเลย ๓ ใน ๔ พร้อมด้วยค่าตัดสินและค่าคำบังคับให้แก่จำเลย.

Share