คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ค้ำประกันร่วมกัน 2 คน เมื่อผู้ค้ำประกันคนหนึ่งได้ชำระหนี้ทั้งหมดแทนลูกหนี้ไป ย่อมรับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ไล่เบี้ยเอากับผู้ค้ำประกันอีกคนหนึ่งได้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 229(3) และ 296 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 682 วรรค 2 บัญญัตินิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ค้ำประกันกับเจ้าหนี้ และมาตรา 693บัญญัตินิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ค้ำประกันกับลูกหนี้แต่ในระหว่างผู้ค้ำประกันด้วยกันบทบัญญัติในลักษณะค้ำประกันมิได้กำหนดความรับผิดต่อกันไว้จึงต้องใช้หลักทั่วไปตามมาตรา 229,296

ย่อยาว

นายสมพงศ์เจ้าหนี้ได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของนายเซียวทรงขิมผู้ล้มละลาย โดยอ้างว่าเจ้าหนี้และผู้ล้มละลายเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของบุคคลหนึ่งร่วมกัน เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้ทั้งหมดไปแล้ว จึงขอรับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กึ่งหนึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสนอความเห็นต่อศาลแพ่งว่าควรยกคำขอรับชำระหนี้ทั้งหมด เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ผู้ค้ำประกันต่อผู้ค้ำประกันไล่เบี้ยกันได้

ศาลแพ่งเห็นว่าผู้ค้ำประกันเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ต้องรับผิดเท่า ๆ กันจึงเรียกเอาจากผู้ล้มละลายได้ เห็นควรให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้ได้กึ่งหนึ่งของจำนวนที่ได้ชำระแทนไป

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เจ้าหนี้และผู้ล้มละลายเป็นผู้ค้ำประกันร่วมกัน และเป็นลูกหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291, 297 เมื่อเจ้าหนี้ชำระหนี้ไปย่อมรับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้เดิมไล่เบี้ยเอากับผู้ล้มละลายได้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 229(3) และ 296 มาตรา 682 วรรค 2 บัญญัตินิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ค้ำประกันกับเจ้าหนี้และมาตรา 693 บัญญัตินิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ค้ำประกันกับลูกหนี้ แต่ในระหว่างผู้ค้ำประกันด้วยกัน บทบัญญัติในลักษณะค้ำประกันมิได้กำหนดความรับผิดต่อกันไว้ เมื่อผู้ค้ำประกันต้องรับผิดร่วมกันแล้ว จึงอาจไล่เบี้ยกันได้ตามหลักทั่วไปใน มาตรา229, 296

พิพากษายืน

Share