คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ ศาลสั่งส่งสำเนาให้โจทก์จำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดี และนัดพร้อม ครั้นถึงวันนัดพร้อม คู่ความไม่มีทางตกลงกันได้ ศาลนัดสืบพยานผู้ร้อง ในวันนัดพร้อมนั้นเอง หลังแต่ทำการนัดพร้อมแล้ว โจทก์ ยื่นคำให้การแก้คำร้องข้อทรัพย์ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำให้การของโจทก์ เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนอย่างคดี ธรรมดา ย่อมหมายความว่า เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอแล้ว ศาลชั้นต้นชอบที่จะออกหมายเรียกให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นมิได้ส่งหมายเรียกหรือกำหนดเวลาให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง จึงไม่มีเหตุที่จะปฏิเสธได้รับคำให้การแก้คดีของโจทก์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ชนะคดีและขอให้ยึดเรือนรายพิพาท ผู้ร้องขัดทรัพย์ร้องว่า เรือนพิพาทเป็นขอจำเลยจริง แต่จำเลยได้จดทะเบียนโอนขายให้แก่ผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึด
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องขัดทรัพย์นี้ ส่งสำเนาให้โจทก์ จำเลย และเจ้าพนักงานบังคับคดี นัดพร้อม
ครั้นถึงวันนัดพร้อม โจทก์จำเลย ผู้ร้องมาศาล คดีไม่มีทางตกลง จึงนัดสืบพยานผู้ร้อง
ในวันนัดพร้อมนั้นเอง หลังแต่ทำการนัดพร้อมแล้ว โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ยืนคำให้การเมื่อศาลสั่งนัดสืบพยานแล้ว ไม่รับ
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้รับคำให้การของโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดี
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๘๘ การยื่นคำร้อง ขัดทรัพย์ให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีนั้นเหมือนอย่างคดีธรรมดา ย่อมหมายความว่า เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอแล้ว ศาลชั้นต้นชอบที่จะออกหมายเรียกให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นมิได้ส่งหมายเรียกหรือกำหนดเวลาให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องแต่อย่างไร ดังนี้ ย่อมไม่มีเหตุจะห้ามมีให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คดีได้ ที่ศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่รับคำให้การแก้คดีของโจทก์ ย่อมไม่ชอบด้วย กระบวนพิจารณา ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share