คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5133/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 161 เป็นความผิดคนละอย่างที่มีองค์ประกอบความผิด แตกต่างกัน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงมิใช่เป็นความผิดตามบททั่วไปของบทเฉพาะตามมาตรา 161 จำเลยที่ 2 เป็นผู้มาติดต่อพาคนไปให้จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทำบัตรประจำตัวประชาชนปลอม โดยให้ค่าตอบแทนแก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงมี ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการปลอมเอกสารราชการ และฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบและโดยทุจริตตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,161,265ประกอบมาตรา 86

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมากับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2991/2539 ของศาลชั้นต้นแต่คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยคู่ความมิได้อุทธรณ์ คงขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 เฉพาะคดีทั้งสองสำนวนนี้โดยให้เรียกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ในทั้งสองสำนวนว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4ตามลำดับ และเรียกจำเลยที่ 5 ในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 5
โจทก์ฟ้องทั้งสองสำนวนขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 161, 264, 265, 268, 83, 84, 33, 91 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 11, 12, 41, 58, 62, 81 ริบของกลาง
จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ หลังจากสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วจำเลยที่ 5 ขอถอนคำให้การเดิมแล้วให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 161, 265 ประกอบมาตรา 83เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานปลอมเอกสารราชการ รวม 12 กระทงจำคุกกระทงละ 2 ปีรวมจำคุก 24 ปี ฐานปลอมเอกสารราชการอีก 2 กระทงเป็นความผิดกรรมเดียว กับฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตและฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น 30 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 161, 265 ประกอบมาตรา 86 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการปลอมเอกสารราชการ รวม 9 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี 4 เดือน รวมจำคุก 12 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนการปลอมเอกสารราชการอีก 2 กระทง เป็นความผิดกรรมเดียวกับฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ2 ปี รวมจำคุก 4 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 2 ทั้งสิ้น 16 ปีจำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 161ประกอบมาตรา 86 มาตรา 265 ประกอบมาตรา 83พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง, 81เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานปลอมเอกสารราชการเป็นความผิดกรรมเดียวกับฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตและฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90จำคุก 2 ปี ฐานเป็นคนต่างด้าวเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 4 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 4 ทั้งสิ้น 2 ปี 4 เดือน คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 10 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน 20 วัน จำเลยที่ 4 ถูกขังมาครบกำหนดโทษแล้วให้ปล่อยตัวไปริบของกลางที่ยังไม่ได้ถูกริบในคดีอื่น คำขอและข้อหาอื่นให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 5
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาทั้งสองสำนวน โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าตามวันเวลาเกิดเหตุในฟ้อง จำเลยที่ 1 รับราชการตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปกครอง 1 ประจำที่ว่าการอำเภอหนองหญ้าปล้องได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานทะเบียนราษฎร มีหน้าที่รับแจ้งเกิด แจ้งตาย แจ้งย้ายที่อยู่ เพิ่มชื่อและจำหน่ายชื่อจากทะเบียนราษฎรแต่ในทางปฏิบัติจำเลยที่ 1 ช่วยทำคำขอมีบัตรมีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน (บ.ป.1) และใบรับคำขอมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน(บ.ป.2) ด้วย จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 นางสาวลัดดา นายสุทัศน์นายพงษ์พัฒ นายวีระ นายทวี นางสาวโสภา นายสมชาย นายสมพรนายสุริยะ นางสาวแสงทอง นายพรรณรักษ์ และนายสมคิดซึ่งมีชื่อเป็นผู้ยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนตามคำขอมีบัตรฯและใบรับคำขอมีบัตรฯ เอกสารหมาย จ.19 ถึง จ.31 และ จ.14 ถึง จ.18 รวม 14 ราย เป็นบุคคลไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เจ้าพนักงานตำรวจยึดจดหมายพร้อมซองเอกสารหมาย จ.35 ได้จากบ้านจำเลยที่ 2 ยึดได้ใบรับคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชน (ใบเหลือง) ที่ระบุชื่อจำเลยที่ 4เป็นผู้ยื่นคำขอตามเอกสารหมาย จ.73 และสำเนาภาพถ่ายทะเบียนบ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 1 ตำบลยางน้ำกลัดเหนืออำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เอกสารหมาย จ.74 ได้จากจำเลยที่ 4 ยึดบัตรประจำตัวประชาชนของจำเลยที่ 5 เอกสารหมาย จ.71 และใบรับคำขอมีบัตรฯ (ใบเหลือง) ที่ระบุชื่อจำเลยที่ 5 เป็นผู้ยื่นคำขอเอกสารหมาย จ.72 ได้จากห้องพักของจำเลยที่ 5 นอกจากนี้พนักงานสอบสวนยังได้รับคำขอมีบัตรฯที่มีชื่อจำเลยที่ 4 นายสุทัศน์ คนมั่น จำเลยที่ 5 นายพงษ์พัฒ กระทอง นางสาวลัดดา แดงสวาท นายวีระ ดงสวาท นายทวี ยอดงาม นางสาวโสภา มีสติ นายสมพร ถึงโภค นายสมชาย สามแก้ว นายสุริยะ ถึงโภค นางสาวแสงทอง ใจกล้า และนายสมคิด อนันต์ชัยลิขิต เป็นผู้ยื่นคำขอเอกสารหมาย จ.19 ถึง จ.31และสำเนาใบรับคำขอมีบัตรฯ เล่มที่ 778235 แผ่นที่ 40เล่มที่ 778229 แผ่นที่ 49, 50 เล่มที่ 778230 แผ่นที่ 1,2, 30, 37, 44, 45 เล่มที่ 778232 แผ่นที่ 11, 12, 37เล่มที่ 778234 แผ่นที่ 32 และเล่มที่ 778233 แผ่นที่ 5 ที่ระบุชื่อนายพรรณรักษ์ ชื่นภิรมย์ จำเลยที่ 4 นายสุทัศน์ จำเลยที่ 5นายพงษ์พัฒ นางสาวลัดดา นายวีระ นายทวี นางสาวโสภา นายสมพร นายสมชาย นายสุริยะ นางสาวแสงทอง และนายสมคิดเป็นผู้ยื่นคำขอเอกสารหมาย จ.8 และ จ.14 ถึง จ.18จากที่ว่าการอำเภอหนองหญ้าปล้องเป็นของกลาง และศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนใบรับคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านของผู้ขอเป็นเอกสารปลอมและจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำปลอมคำขอมีบัตรฯและใบรับคำขอมีบัตรประจำตัวข้าราชการทั้ง 14 รายการจริงเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ต้องทำขึ้นตามหน้าที่ราชการถือได้เป็นเอกสารราชการ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตโดยอาศัยที่ตนมีหน้าที่จริงตามฟ้อง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161แล้วการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 อีกหรือไม่ ในข้อนี้ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 อันเป็นบทเฉพาะแล้วจำเลยที่ 1 ก็ย่อมไม่ต้องรับผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157อันเป็นบททั่วไปอีกนั้น เห็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 161 เป็นความผิดคนละอย่างที่มีองค์ประกอบความผิดแตกต่างกัน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157มิใช่เป็นความผิดตามบททั่วไปของบทเฉพาะตามมาตรา 161 ตามฎีกาของจำเลยที่ 1
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2กระทำผิดฐานสนับสนุนการปลอมเอกสารราชการรวม 9 รายและฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตอีก2 ราย ตามฟ้องหรือไม่ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้มาติดต่อพาคนไปให้จำเลยที่ 1ทำบัตรประจำตัวประชาชนปลอมโดยให้ค่าตอบแทนแก่จำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการปลอมเอกสารราชการและฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share