คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5133/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งแล้วขายไปได้กำไรเพียงเล็กน้อย แต่โจทก์ซื้อมาแล้วขายไปภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีเศษ และก่อนขายที่ดินแปลงนี้ โจทก์ก็ได้ขุดหน้าดินไปถมที่ดินของคนอื่นซึ่งโจทก์รับเหมาถมที่ดินไปแล้ว เมื่อรวมเงินจากการขายที่ดินและเงินที่โจทก์ได้รับจากการขุดหน้าดินขายดังกล่าวแล้ว โจทก์มีกำไรมิใช่น้อย อีกทั้งโจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการขายที่ดินแปลงนี้และขอยกเว้นการเสียภาษีดังกล่าวตามมาตรา 42(9) แห่งประมวลรัษฎากรจึงถือได้ว่าโจทก์ได้ที่ดินแปลงนี้มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร โจทก์ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการขายที่ดินแปลงนี้ การที่โจทก์ซึ่งมีอาชีพรับจ้างถมดินซื้อที่ดินสองแปลงในระยะเวลาเดียวกันเพื่อขุดเอาหน้าดินไปถมที่ดินแปลงอื่น แล้วขายหรือจำหน่ายที่ดินทั้งสองแปลงนั้นหลังจากขุดหน้าดินไปแล้ว นั้นถือได้ว่าโจทก์ขายที่ดินเป็นทางค้าหรือหากำไร โจทก์ต้องเสียภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 11 การค้าอสังหาริมทรัพย์ โจทก์ซื้อขายที่ดินร่วมกับ ส. เข้าลักษณะของคณะบุคคลมีเงินได้พึงประเมินและรายรับตามประมวลรัษฎากร มาตรา 56 และ 77โจทก์จึงต้องรับผิดในจำนวนเงินภาษีของคณะบุคคลนั้นทั้งหมดเต็มจำนวนมิใช่รับผิดเพียงครึ่งเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ยกเลิกการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภาษีการค้า และคำวินิจฉัยอุทธรณ์กับยกเลิกเงินเพิ่มหรือให้ลดเงินเพิ่มด้วย
จำเลยให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่32928 มาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2519 ในราคา 1,446,400 บาท แล้วขายไปในราคา 1,500,000 บาท เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2521 แม้โจทก์มีกำไรเพียงเล็กน้อย แต่โจทก์ซื้อที่ดินแปลงนี้มาแล้วขายไปภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีเศษ ก่อนขายที่ดินแปลงนี้โจทก์ก็ได้ขุดหน้าดินไปถมในที่ดินของการเคหะแห่งชาติซึ่งโจทก์รับเหมาถมที่ดินไปแล้วเมื่อรวมเงินจากการขายที่ดินและเงินที่โจทก์ได้รับจากการขายหน้าดินดังกล่าวแล้ว น่าเชื่อว่าโจทก์มีกำไรมิใช่น้อย นอกจากนี้ในปีพ.ศ. 2519 นั้นเอง โจทก์ได้ซื้อที่ดินอีกแปลงหนึ่งคือที่ดินโฉนดเลขที่ 1325 บางส่วนในราคาเพียง 500,000 บาท เมื่อซื้อแล้วได้ขุดหน้าดินถมที่ดินของการเคหะแห่งชาติ และโจทก์ได้จำนองที่ดินแปลงนั้นไว้กับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์คิงส์ทรัสต์ จำกัด ในวันนั้นเองในราคา 1,200,000 บาท และต่อมาก็เอาที่ดินแปลงนี้ตีใช้หนี้ไป ถือได้ว่าโจทก์ได้กำไรจากการจำนองที่ดินแปลงนี้ถึง 700,000 บาทการที่โจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการขายที่ดินแปลงโฉนดเลขที่ 32928 นั้น เห็นได้ว่าโจทก์ได้ที่ดินแปลงนี้มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร มิฉะนั้นโจทก์จะต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับปีพ.ศ. 2521 และขอยกเว้นการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับที่ดินแปลงนี้โดยอ้างว่าโจทก์ได้ที่ดินแปลงนี้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร ตามมาตรา 42(9) แห่งประมวลรัษฎากร แต่โจทก์หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ การที่โจทก์มีอาชีพรับจ้างถมดินและซื้อที่ดิน 2 แปลง ในระยะเวลาเดียวกันเพื่อขุดหน้าดินไปถมที่ดินแปลงอื่นแล้วขายหรือจำหน่ายที่ดินหลังจากได้ขุดหน้าดินไปแล้ว นั้นเห็นได้ว่าเป็นการประกอบการค้าอสังหาริมทรัพย์ โจทก์ได้ที่ดินโฉนดเลขที่32928 มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร และเมื่อโจทก์ขายที่ดินแปลงนี้ก็เป็นทางค้าหรือหากำไร โจทก์จึงมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีการค้าสำหรับที่ดินแปลงนี้ และการที่โจทก์ซื้อขายที่ดินแปลงนี้ร่วมกับนายสมเกียรติ เข้าลักษณะเป็นการกระทำของคณะบุคคลมีเงินได้พึงประเมินและรายรับตามประมวลรัษฎากรมาตรา 56 และ 77 โจทก์จึงต้องรับผิดในจำนวนเงินภาษีของคณะบุคคลนั้นทั้งหมดเต็มจำนวนมิใช่รับผิดเพียงครึ่งเดียว
พิพากษายืน

Share