คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2397/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยทั้งสองกับพวกได้แบ่งกัญชาห่อกระดาษหนังสือพิมพ์และแบ่งใส่ถุงพลาสติกนั้น เป็นการผลิตกัญชาตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 แต่เมื่อกัญชาดังกล่าวเป็นจำนวนเดียวกันกับกัญชาที่จำเลยทั้งสองกับพวกมีไว้เพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๒๖, ๗๕, ๗๖ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๗, ๘ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๒๒) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๒๒ข้อ ๔ (๑) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นจึงแยกพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ โดยพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพิพากษายาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๕, ๗๖ ลงโทษฐานผลิตจำคุก ๒ ปี ฐานมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก ๒ ปี รวมเป็นจำคุก ๔ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ ปี
จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๕, ๗๖ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๗, ๘ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓ ฐานผลิตกัญชาและฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา ๙๐ ลงโทษฐานผลิตกัญชาจำคุก ๔ ปี จำเลยที่ ๒รับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ หนึ่งในสามแล้วคงจำคุก ๒ ปี ๘ เดือน
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ เป็น ๒ กรรมตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ ๒ กับพวกเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ลงโทษจำเลยที่ ๒ฐานผลิตกัญชาซึ่งเป็นบทหนักนั้นเป็นการไม่ถูกต้องเพราะความผิดฐานผลิตกัญชาและมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา ๗๕แและ มาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ที่แก้ไขแล้ว มีอัตราโทษเท่ากันซึ่งศาลจะลงโทษจำเลยที่ ๒ บทไหนก็ได้และที่ศาลชั้นต้นพิพากษาอ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒มาตรา ๗๕, ๗๖ โดยไม่ได้ระบุวรรคนั้น เห็นสมควรระบุให้ถูกต้องและคดีนี้เป็นกรณีจำเลยที่ ๒ ร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลยที่ ๑เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ ๑ ซึ่งมิได้อุทธรณ์ขึ้นมาด้วย พิพากษาแก้เป็นว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๕ วรรคแรก ๗๖ วรรคสองที่แก้ไขแล้ว ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ กรณีเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท เนื่องจากบทฐานผลิตกัญชาตามมาตรา ๗๕ วรรคแรกและฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามมาตรา ๗๖ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษดังกล่าว มีอัตราโทษเท่ากันจึงให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฐานผลิตกัญชาตามาตรา ๗๕ วรรคแรกแห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษดังกล่าวจำคุกจำเลยที่ ๑ สองปีจำเลยที่ ๑ รับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยที่ ๑ กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘คงจำคุกจำเลยที่ ๑ หนึ่งปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัยหาตามฎีกาของโจทก์มีว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาว่า เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยทั้งสองกับพวกพร้อมกับยึดได้กัญชาซึ่งจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยแยกเป็นกัญชาแห้งที่ยังไม่ได้แบ่งห่อหรือแบ่งบรรจุ ๑ ห่อ เป็นกัญชาที่จำเลยทั้งสองกับพวกแบ่งห่อกระดาหนังสือพิมพ์แล้ว ๒๘ ห่อ และแบ่งบรรจุใส่ถุงพลาสติดขนาดเล็กอีก ๙ถุง เป็นของกลาง เห็นว่าการที่จำเลยทั้งสองกับพวกได้แบ่งกัญชาห่อกระดาษหนังสือพิมพ์และแบ่งบรรจุใส่ถุงพลาสติกนั้นเป็นการผลิตกัญชาตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒มาตรา ๔ แต่กัญชาดังกล่าวเป็นจำนวนเดียวกับกัญชาที่จำเลยทั้งสองกับพวกมีไว้เพื่อจำหน่าย การที่จำเลยทั้งสองกับพวกแบ่งห่อกระดาษหนังสือพิมพ์และแบ่งบรรจุใส่ถุงพลาสติกก็เพื่อสะดวกในการจำหน่ายเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท มิใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันดังโจทก์ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share