แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยได้นำเงินไปวางที่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดร้อยเอ็ดและที่ศาลชั้นต้นเพื่อใช้ราคาทรัพย์จำนวน 52,500 บาท คืนแก่ผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ได้ตกลงยินยอมด้วย ย่อมเป็นแต่เพียงการบรรเทาผลร้ายแห่งคดี ไม่เป็นการยอมความตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงยังไม่ระงับไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2546 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2546 ทั้งเวลากลางคืนและกลางวันต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยซึ่งเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า จำนวน 1 คัน ราคา 64,000 บาท ของห้างหุ้นส่วนจำกัดปรีชาพานิชย์ร้อยเอ็ด ผู้เสียหาย และรับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจากผู้เสียหายไปไว้ในครอบครองของจำเลยแล้ว ได้เบียดบังเอารถจักรยานยนต์เป็นของตนแล้วนำไปจำหน่ายให้แก่ผู้มีชื่อโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 52,500 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จำนวน 52,500 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าจำเลยได้นำเงินไปวางที่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดร้อยเอ็ดและที่ศาลชั้นต้นเพื่อใช้ราคาทรัพย์จำนวน 52,500 บาท แก่ผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว มูลเหตุในการฟ้องร้องดำเนินคดีสิ้นสุดลง สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับนั้น เห็นว่า การที่จำเลยวางเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อใช้ราคาทรัพย์คืนแก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ได้ตกลงยินยอมด้วย ดังนั้น ย่อมเป็นแต่เพียงการบรรเทาผลร้ายแห่งคดี ไม่เป็นการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงยังไม่ระงับไป”
พิพากษายืน.