คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศเพื่อและในนามของโจทก์เอง มิได้สั่งแทนบริษัท ท. แล้วโจทก์โอนขายสินค้าดังกล่าวให้บริษัท ท. เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับว่ามีการโอนหรือขายสินค้าดังกล่าวและโจทก์ไม่เคยขายสินค้าชนิดเดียวกันนี้ให้แก่ผู้อื่น การที่จำเลยคำนวณภาษีเงินได้ของโจทก์จากอัตรากำไรมาตรฐานของสินค้าตามประกาศของอธิบดีกรมสรรพากรจึงชอบแล้ว บริษัทโจทก์มอบอำนาจให้ จ. มาให้ถ้อยคำแก่เจ้าพนักงานประเมินแทนโจทก์โดยโจทก์ยอมรับผิดชอบต่อการกระทำใด ๆของ จ. เสมือนหนึ่งโจทก์ได้กระทำการนั้น ๆ เอง เมื่อ จ.ให้การต่อเจ้าพนักงานประเมินว่าได้ตรวจพบว่าบริษัทโจทก์ลงบัญชีคุมสินค้าว่ามีสินค้าชำรุดและเสื่อมราคาเป็นจำนวนมาก และบริษัทได้ตัดบัญชีสินค้าเหล่านั้นออกจากบัญชีสินค้าคงเหลือโดยมิได้ลงบัญชีขาย จ. ยอมรับผิดและยอมให้เจ้าพนักงานประเมินราคาสินค้าซึ่งไม่ได้ลงบัญชีขายไว้เป็นยอดขายของบริษัทโดยใช้ราคาเฉลี่ยหรือราคาปกติของการขายสินค้าของบริษัทแต่ละประเภทสินค้าในปีนั้น ๆเป็นเกณฑ์คำนวณ ต้องถือว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยประเมินสินค้าที่โจทก์อ้างว่าชำรุดเสียหายเป็นสินค้าที่โจทก์จำหน่ายไป จำเลยจึงมีอำนาจประเมินเช่นนั้นได้โดยชอบ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยประเมินภาษีการค้าของโจทก์โดยไม่ชอบอย่างไร ฟ้องโจทก์คัดค้านเฉพาะการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่านั้น ทั้งโจทก์มิได้คัดค้านในเรื่องการประเมินภาษีการค้าต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แต่อย่างใดเพียงแต่ขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับสำหรับภาษีการค้าโดยโจทก์ยอมรับว่าโจทก์เข้าใจข้อกฎหมายคลาดเคลื่อน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของโจทก์เกี่ยวกับภาษีการค้า.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า กิจการของบริษัทไทยวีนิล จำกัด เกิดภาวะขาดทุนเป็นหนี้ธนาคารและได้ทำสัญญาประนีประนอมผ่อนชำระหนี้กับธนาคารและดำเนินการต่อมา แต่เนื่องจากธนาคารไม่อาจออกหนังสือรับรองหรือค้ำประกันเลตเตอร์ออฟเครดิตได้ จึงต้องหา บริษัท อื่นมาเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตแทนเพื่อสั่งสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศ โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกันจึงรับเป็นผู้สั่งสินค้าแทนให้โดยเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตแทนตั้งแต่ปี 2521-2523 รวม 36 ฉบับเมื่อสินค้าที่โจทก์สั่งเข้ามาแทนบริษัทไทยวีนิล จำกัด มาถึงโจทก์ชำระราคาสินค้า ดอกเบี้ยธนาคารที่ค้ำประกันอากรศุลกากรและค่าธรรมเนียมตามจำนวนที่จ่ายไปจริง แล้วเรียกเก็บเงินจำนวนดังกล่าวจากบริษัทดังกล่าว โจทก์ได้รับหนังสือประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากจำเลยที่ 1 สำหรับปี พ.ศ. 2521-2523 โดยจำเลยที่ 1 เรียกเก็บจากโจทก์เป็นค่าที่สั่งสินค้าเข้ามาในประเทศแทนบริษัทไทยวีนิล จำกัด คิดอัตรากำไรจากกำไรมาตรฐานขั้นต้นที่กำหนดไว้ และถือเอาเป็นรายได้ที่โจทก์ต้องเสียภาษี และจำเลยที่ 1ยังคิดค่าสินค้าเสื่อมคุณภาพหรือแตกหักใช้การไม่ได้ซึ่งโจทก์หักออกจากบัญชีสินค้าคงเหลือมาคิดเป็นการขายและนำมาประเมินภาษีกับโจทก์ โจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 แต่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มีคำวินิจฉัยให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีการค้าปี 2521-2523 ซึ่งไม่ถูกต้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้โจทก์ต้องชำระภาษีอากรและเงินเพิ่มจำนวน 1,308,439.67 บาท
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า การประเมินชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศเพื่อและในนามของโจทก์เองมิใช่สั่งแทนบริษัทไทยวีนิล จำกัด แล้วโจทก์โอนขายสินค้าดังกล่าว ให้บริษัทไทยวีนิล จำกัด การที่จำเลยคำนวณภาษีเงินได้ของโจทก์จากอัตรากำไรมาตรฐานของสินค้าตามประกาศของอธิบดีกรมสรรพากรจึงชอบแล้วในเมื่อโจทก์ไม่ยอมรับว่ามีการโอนหรือขายสินค้า และโจทก์ไม่เคยขายสินค้าชนิดเดียวกันนี้ให้แก่ผู้อื่น จึงไม่มีวิธีการอื่นใดที่จำเลยจะคำนวณภาษีเงินได้ของโจทก์โดยให้ความเป็นธรรมได้มากกว่าวิธีนี้
สำหรับฎีกาโจทก์ที่อ้างว่าจำเลยประเมินสินค้าที่โจทก์อ้างว่าชำรุดเสียหายเป็นสินค้าที่โจทก์จำหน่ายไปเป็นการไม่ชอบนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1ได้ออกหมายเรียกโจทก์มา ตรวจสอบภาษีตามเอกสารหมาย ล.4นั้น บริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้นางสาวจันทนี ยงภิศาลภพ มาให้ถ้อยคำแก่เจ้าพนักงานประเมินแทนโจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย ล.6 ซึ่งระบุว่าโจทก์ยอมรับผิดชอบต่อการกระทำใด ๆ ของนางสาวจันทนี เสมือนหนึ่งโจทก์ได้กระทำการนั้น ๆ เอง นางสาวจันทนีได้ให้การต่อเจ้าพนักงานประเมินว่านางสาวจันทนี ได้ตรวจพบว่าบริษัทโจทก์ลงบัญชีคุมสินค้าว่ามีสินค้าชำรุดและเสื่อมราคาเป็นจำนวนมากและบริษัทได้ตัดบัญชีสินค้าเหล่านั้นออกจากบัญชีสินค้าคงเหลือโดยที่มิได้ลงบัญชีขาย การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องนางสาวจันทนี ยอมรับผิดและยอมรับว่าเมื่อบริษัทตรวจนับสินค้าคงเหลือไม่ตรงกับบัญชี บริษัทก็ได้ปรับปรุงรายการเหล่านั้นเป็นสินค้าชำรุดและได้ลงบัญชีซื้อ เป็นต้นทุนขายไว้แล้วทั้งสิ้น แต่ยังมิได้ลงบัญชีขาย นางสาวจันทนี ยอมรับผิดและยอมให้เจ้าพนักงานประเมินราคาสินค้าซึ่งบริษัทไม่ได้ลงบัญชีขายไว้เป็นยอดขายของบริษัทโดยใช้ราคาเฉลี่ยหรือราคาปกติของการขายสินค้าของบริษัทแต่ละประเภทสินค้าในปีนั้น ๆ เป็นเกณฑ์คำนวณ ปรากฏตามบันทึกคำให้การเอกสารหมายล.11 เมื่อเป็นดังนี้จึงต้องถือว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยประเมินสินค้าที่โจทก์อ้างว่าชำรุดเสียหายเป็นสินค้าที่โจทก์จำหน่ายไป จำเลยจึงมีอำนาจประเมินเช่นนั้นได้โดยชอบ
ที่โจทก์ฎีกาข้อสุดท้ายว่า จำเลยประเมินภาษีการค้าของโจทก์โดยมิชอบนั้นโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยประเมินภาษีการค้าของโจทก์โดยไม่ชอบอย่างไรบ้างฟ้องโจทก์คัดค้านเฉพาะการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่านั้น นอกจากนี้ในชั้นที่โจทก์อุทธรณ์คัดค้านการประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์ก็มิได้คัดค้านในเรื่องการประเมินภาษีการค้าแต่อย่างใด โจทก์เพียงขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับสำหรับภาษีการค้าโดยโจทก์ยอมรับว่าโจทก์เข้าใจข้อกฎหมายคลาดเคลื่อน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ที่เกี่ยวกับภาษีการค้า ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share