คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5110/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้เสียหายที่ 1 โดยมีเจตนาฆ่าแต่กระสุนปืนพลาดไปถูกผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กายจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ศาลล่างทั้งสองมิได้ปรับบทลงโทษไว้ สมควรระบุให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ จำนวน 1 กระบอกกับมีกระสุนปืนขนาดเดียวกันจำนวน 5 นัด ซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวสามารถใช้ยิงได้ไว้ในครอบครอง โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และจำเลยพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวทั้งมิใช่กรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 4,7,8 ทวิ,72,72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33,80,91,288,371 ริบของกลาง การที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทความผิดจำเลยฐานพาอาวุธปืนไปในงานรื่นเริงตามมาตรา 8 ทวิ วรรคสองมาด้วยจึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยไม่ปรับบทความผิดตามมาตราดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2539 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยมีอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด .32 ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ จำนวน 1 กระบอก กับมีกระสุนปืนขนาดเดียวกัน จำนวน 5 นัด ซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวสามารถใช้ยิงได้ไว้ในครอบครอง โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งมิใช่กรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายณัฐพลเดชะปัญญา ผู้เสียหายที่ 1 และนางสาวนงเยาว์ วรรณการ ผู้เสียหายที่ 2โดยมีเจตนาฆ่า กระสุนปืนพลาดไม่ถูกผู้เสียหายที่ 1 แต่ถูกผู้เสียหายที่ 2ที่บริเวณใต้คางด้านซ้าย จำเลยลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทำไม่บรรลุผลเนื่องจากกระสุนปืนพลาดไม่ถูกผู้เสียหายที่ 1ส่วนผู้เสียหายที่ 2 แพทย์ได้ทำการรักษาไว้ได้ทันท่วงที ผู้เสียหายทั้งสองจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย คงเพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย เจ้าพนักงานตรวจยึดได้ปลอกกระสุนปืนขนาด .32 จำนวน 5 ปลอก เป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4,7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 91,288, 371 ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 371พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 12 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในงานรื่นเริงเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก1 ปี รวมจำคุก 13 ปี ริบของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ไม่ได้กระทำผิดตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษา นั้น เห็นว่า สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย1 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คงรับวินิจฉัยให้เพียงข้อเดียวว่า จำเลยเป็นคนร้ายพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้เสียหายที่ 1 โดยมีเจตนาฆ่าแต่กระสุนปืนพลาดไปถูกผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยและการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ศาลล่างทั้งสองมิได้ปรับบทลงโทษไว้ สมควรระบุให้ชัดเจน

อนึ่ง โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง การที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทความผิดจำเลยตามมาตราดังกล่าว จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 บทหนึ่ง และมาตรา 288, 80 ประกอบมาตรา 60อีกบทหนึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ละบทมีโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 2ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ไม่ปรับบทความผิดจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคสองนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share