คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5101/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ยืมเงินและรับเงินกู้ไปจากโจทก์ และโจทก์นำสืบว่าจำเลยเคยกู้ยืมเงินโจทก์มาก่อนวันทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินโดยวิธีนำเช็คมาแลกเงินสดจากโจทก์หลายครั้ง แล้วรวมทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเป็นจำนวนเงินตามฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารได้ เป็นหนังสือเพื่อให้ทราบถึงมูลเหตุที่จำเลยต้องทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินให้แก่โจทก์ อันเป็นการนำสืบถึงความเป็นมาแห่งหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน และเป็นข้อเท็จจริงในประเด็นที่ว่าเหตุใดจำเลยจึงต้องรับผิดตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์นำมาฟ้อง ไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร และไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๒๔๐,๑๔๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๑๓๗,๒๒๗ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้ยืมเงินหรือได้รับเงินจำนวน ๑๓๗,๒๒๗ บาท จากโจทก์ตามฟ้อง หนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารซึ่งโจทก์จัดทำขึ้นโดยอาศัยลายมือชื่อของจำเลยที่ลงไว้ในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่ไม่ได้กรอกข้อความ โจทก์นำมากรอกข้อความโดยลงจำนวนเงินกู้ฝ่าฝืนความจริงและปราศจากความยินยอมของจำเลยจึงเป็นเอกสารปลอมและตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๔๐,๑๔๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๑๓๗,๒๒๗ บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๑) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๓,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า_ _ _ พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยต้องรับผิดชำระเงินตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.๑ ให้แก่โจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกู้ยืมเงินและรับเงินกู้ไปจากโจทก์ ๑๓๗,๒๒๗ บาท ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.๑ จำเลยต้องรับผิดชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตามฟ้อง การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ยืมเงินและรับเงินกู้ไปจากโจทก์ แล้วโจทก์นำสืบว่าจำเลยเคยกู้ยืมเงินโจทก์มาก่อนวันทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.๑ โดยวิธีนำเช็คมาแลกเงินสดจากโจทก์หลายครั้ง แล้วรวมทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวเป็นจำนวนเงินตามฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารได้ เป็นการนำสืบเพื่อให้ทราบถึงมูลเหตุที่จำเลยต้องทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.๑ ให้แก่โจทก์ อันเป็นการนำสืบถึงความเป็นมาแห่งหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าว และเป็นข้อเท็จจริงในประเด็นที่ว่าเหตุใดจำเลยจึงต้องรับผิดตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์นำมาฟ้อง หาใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารสัญญาดังกล่าวหรือเป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็นแต่ประการใดไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share