คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บ้าน ม. ไม่มีรั้ว โดยปกติจำเลยจะต้องเดินผ่านบ้าน ม.ไปอาบน้ำที่บ่อน้ำและ ม. กับจำเลยเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกันก็ตาม แต่ในวันเกิดเหตุจำเลยมิได้ไปอาบน้ำ แต่ลักลอบจะเข้าไปหา ม. โดยทีแรกจำเลยเข้าไปแอบที่ต้นมะพร้าวก่อนเมื่อมีคนไปดูจำเลยจึงหนีไป และย้อนกลับเข้ามาใหม่โดยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยมีเหตุอันสมควร จำเลยมีความผิดฐานบุกรุก.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานบุกรุกฐานมีอาวุธปืน ฯ และพกพาอาวุธปืน ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา33, 80, 91, 288, 364, 365 พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ
จำเลยให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหามีอาวุธปืน ฯ และข้อหาพกพาอาวุธปืน ฯ ส่วนข้อหาอื่นปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืน ฯ และพกพาอาวุธปืน ฯ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72,72 ทวิ ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 362, 364 และ 365 เป็นความผิดหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกฐานมีอาวุธปืน ฯ 6 เดือน ฐานพกพา ฯ 2 เดือน รวมจำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน กับจำคุกฐานพยายามฆ่าผู้อื่น 10 ปี ฐานบุกรุก 1 ปี รวมเป็นโทษทั้งสิ้น 11ปี 4 เดือน ริบหัวกระสุนขนาด .38 ของกลางอื่นคืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและความผิดฐานบุกรุก หัวกระสุนขนาด .38ของกลางไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้กระทำความผิด ไม่ริบ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยการกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการป้องกันตัว แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายในข้อหาฐานบุกรุกว่า ‘…สำหรับในข้อหาฐานบุกรุกนั้นเห็นว่า แม้จะปรากฏจากภาพถ่ายตามเอกสารหมายจ.4 ว่า บ้านนางมณีไม่มีรั้ว และโดยปกติจำเลยจะต้องเดินผ่านบ้านนางมณีไปอาบน้ำที่บ่อน้ำและนางมณีกับจำเลยเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกันก็ตาม แต่พฤติการณ์ของจำเลยในวันเกิดเหตุปรากฏตามคำเบิกความของผู้เสียหาย นางสุรัช และนายศักดาซึ่งสอดคล้องกับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.6ว่า จำเลยมิได้ไปอาบน้ำ แต่จำเลยลักลอบจะเข้าไปหานางมณีโดยทีแรกจำเลยเข้าไปแอบที่ต้นมะพร้าวก่อน เมื่อนายศักดาและนางสุรัชไปดู จำเลยจึงหนีไปและย้อนกลับเข้ามาใหม่โดยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย เช่นนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยมีเหตุอันสมควร จำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุกด้วยอีกกระทงหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาทั้งสองนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 80 จำคุก 10 ปี และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365จำคุก 1 ปี หัวกระสุนของกลางขนาด .38 ให้ริบ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์’.

Share