แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอของผู้ร้องโดยวินิจฉัยพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบและไม่เชื่อพยานหลักฐานผู้ร้อง ซึ่งเป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอโดยอาศัยข้อเท็จจริงแม้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่มีเหตุมาร้องขอคดีนี้ด้วยก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากไม่เชื่อพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบนั่นเอง คดีจึงไม่มีประเด็นที่ผู้ร้องจะอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขออุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ได้แต่เมื่อผู้ร้องได้อุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นในปัญหา ข้อเท็จจริงด้วยว่า พยานหลักฐานผู้ร้องรับฟังได้ว่าผู้ร้อง ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนตามคำร้องขอโดยการครอบครองแล้วการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ผู้ร้องเฉพาะปัญหา ข้อกฎหมายที่ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาจึงไม่ถูกต้องศาลฎีกาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งอนุญาตให้ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินโฉนดตราจองที่ 6113 ตำบลท่าเสา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์เฉพาะส่วนของนายน้อย พงษ์ดาบเพ็ชร เนื้อที่ 1 งาน 28 ตารางวาเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
ศาลประกาศนัดไต่สวนตามระเบียบแล้ว ไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอ
ผู้ร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ที่ดินตามโฉนดตราจองที่ 6113 ตำบลท่าเสาอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งมีชื่อนายเจริญศรีจันทร์ทับ ผู้ร้อง และนายน้อย พงษ์ดาบเพ็ชรถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน เฉพาะส่วนของนายน้อยเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ทั้งนี้ที่ดินเฉพาะส่วนของนายน้อยอยู่ด้านทิศใต้ซึ่งเดิมนายน้อยครอบครองเป็นส่วนสัดมีเนื้อที่ 1 งาน 28 ตารางวา ในเส้นกรอบสีเขียว ตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย ร.4 นายน้อยได้ยกให้นางถนอม พงษ์ดาบเพ็ชร ภรรยา และต่อมานางถนอมได้ขายให้ผู้ร้องเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้ว ผู้ร้องครอบครองอย่างเป็นเจ้าของตลอดมาซึ่งศาลชั้นต้นได้พิจารณาพยานหลักฐานผู้ร้องและวินิจฉัยว่า ผู้ร้องเบิกความว่าไม่ทราบว่านายน้อยอยู่ที่ใด ผู้ร้องทราบว่านายน้อยถึงแก่กรรมแล้วโดยไม่ปรากฏหลักฐาน จึงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่น่าเชื่อถือ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่านายน้อยถึงแก่กรรม ผู้ร้องไม่มีเหตุมาร้องขอคดีนี้และยกคำร้องขอนั้น เห็นว่าการที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอของผู้ร้องก็โดยวินิจฉัยพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบและไม่เชื่อพยานหลักฐานผู้ร้อง ซึ่งเป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอโดยอาศัยข้อเท็จจริงแม้วินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่มีเหตุมาร้องขอคดีนี้ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากไม่เชื่อพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบนั่นเอง หาใช่เป็นกรณีผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขออันจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายดังที่ผู้ร้องอุทธรณ์ไม่ เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องขอโดยอาศัยข้อเท็จจริงมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอ ดังนี้จึงไม่มีประเด็นที่ผู้ร้องจะอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอกรณีนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ร้องได้อุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงด้วยว่า พยานหลักฐานผู้ร้องรับฟังได้ว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนของนายน้อยโดยการครอบครองแล้ว จึงชอบที่จะดำเนินการส่งอุทธรณ์ของผู้ร้องไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อพิจารณาต่อไป ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ผู้ร้องเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ จึงไม่ถูกต้อง
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งอนุญาตให้ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาต่อไป