คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นบิดาผู้ตาย ฟ้องจำเลยฐานฆ่าผู้ตายไว้ก่อน ต่อมาอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานประมาททำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด ดังนี้เมื่อการกระทำของจำเลยครั้งเดียวเป็นกรรมเดียวแม้จะถูกฟ้องต่างข้อหากัน เมื่อได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่อัยการฟ้องแล้วสิทธิฟ้องคดีของโจทก์แม้จะได้ฟ้องไว้ก่อน ก็ต้องถือว่าระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาผู้ตาย จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ และว่าการกระทำอันเดียวกันนี้ พนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลย ศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิด ลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว

โจทก์แถลงรับว่าจำเลยถูกพนักงานอัยการฟ้องในการกระทำผิดอันเดียวกันนี้ แต่ต่างข้อหา และฟ้องภายหลังโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว

ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน วินิจฉัยว่าสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ภายหลังโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว พนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในการกระทำของจำเลยครั้งเดียวกันนี้ในข้อหาประมาททำให้ปืนลั่นถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยคดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อการกระทำของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องตามสำนวนคดีนี้และที่จำเลยถูกพนักงานอัยการฟ้อง เป็นการกระทำของจำเลยที่กระทำลงครั้งเดียว เป็นกรรมเดียว แม้ความผิดที่ได้ฟ้องจะต่างข้อหากัน ศาลก็จะฟังข้อเท็จจริงกรรมเดียวกันต่างกันไม่ได้ และจะพิพากษาลงโทษในการกระทำครั้งเดียวเป็นสองซ้ำไม่ได้ เมื่อได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องไปแล้ว สิทธิฟ้องคดีของโจทก์แม้จะได้ฟ้องไว้ก่อน ก็ต้องถือว่าระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

พิพากษายืน

Share