แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ประกันทำสัญญาประกันตัวจำเลยไปจากศาลมีข้อความว่าถ้าผู้ประกันและจำเลยไม่ปฏิบัติตามหมายนัดหรือหมายเรียกของศาลยอมรับผิดชดใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ศาลนับแต่ประกันตัวจำเลยไปแล้วผู้ประกันมิได้มาศาลตามนัด โดยมีพฤติการณ์แสดงว่าผู้ประกันไม่เอาใจใส่ต่อหน้าที่ของตน ในนัดวันที่ 16 พฤษภาคม 2517ผู้ประกันก็ไม่มาศาล และจำเลยป่วย ศาลจึงเลื่อนคดีไปวันที่ 1กรกฎาคม 2517 ได้ออกหมายนัดส่งให้ผู้ประกันรับไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 16มิถุนายน 2517 ครั้นถึงวันที่ 1 จำเลยกับผู้ประกันก็ไม่มาศาลโดยไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องต่อศาล แม้ต่อมาจะปรากฏว่าจำเลยได้ส่งจดหมายและใบรับรองของโรงพยาบาลแสดงว่าจำเลยป่วยไปยังทนายจำเลย และมีหนังสือของนายไปรษณีย์แสดงว่าผู้รับเพิ่งได้รับเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2517ก็ตาม แต่ผู้ประกันก็ละเลยต่อหน้าที่ไม่มาศาลและแจ้งข้อขัดข้องที่พึงทราบต่อศาลดังนี้ เป็นการผิดสัญญาและศาลชอบที่จะสั่งปรับตามสัญญาประกันได้แล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ปรับเต็มตามสัญญาประกันแล้ว โจทก์ได้ถอนฟ้องศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีไปแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจลดค่าปรับให้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตตีราคา ๑๕,๐๐๐ บาท ผู้ประกันทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลชั้นต้นว่า ถ้าผู้ประกันและจำเลยไม่ปฏิบัติตามนัดหรือหมายเรียกของศาลยอมรับผิดชอบชดใช้เงิน ๑๕,๐๐๐ บาทแก่ศาล ในวันนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๑๗ ทนายจำเลยแถลงว่าจำเลยป่วยขอเลื่อนการพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๗ และหมายนัดให้ผู้ประกันส่งตัวจำเลยในวันนัดดังกล่าว ผู้ประกันได้รับหมายนัดในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๑๗ถึงวันนัด โจทก์ ทนายโจทก์และทนายจำเลยมาศาล จำเลยและผู้ประกันไม่มาและไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบศาลชั้นต้นถือว่าผู้ประกันผิดสัญญาให้ปรับผู้ประกันตามสัญญาประกันให้ผู้ประกันนำเงินค่าปรับมาชำระต่อศาลภายในวันที่ ๒๐ วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๑๗ ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยป่วยอยู่ในกรุงเทพฯ จำเลยได้ส่งใบรับรองของโรงพยาบาลถึงทนายจำเลยที่ภูเก็ตโดยส่งเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๑๗ ทางไปรษณีย์อากาศลงทะเบียนแต่เพราะความล่าช้าของไปรษณีย์ภูเก็ตเพิ่งส่งจดหมายดังกล่าวถึงทนายจำเลยเมื่อตอนบ่ายวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๑๗ จำเลยจึงมีเหตุจำเป็นมาศาลไม่ได้เท่ากับได้แจ้งเหตุต่อศาลแล้วขอให้ยกเลิกคำสั่งถอนประกันปรับผู้ประกันและหมายจับจำเลยและผู้ประกันก็ยื่นคำร้องในทำนองเดียวกันศาลชั้นต้นสั่งว่ายังไม่สมควรเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
ผู้ประกันอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ปรับผู้ประกันเป็นเงิน๑๕,๐๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่านับแต่ผู้ประกันทำสัญญาประกันตัวจำเลยไปแล้วผู้ประกันมิได้มาศาลตามนัด ศาลต้องออกหมายนัดหลายครั้งในนัดวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๖ ก็ส่งหมายให้ผู้ประกันไม่ได้โดยไม่พบตัวผู้ประกัน และไม่มีผู้ใดยอมรับหมายนัดไว้แทน จนศาลชั้นต้นสั่งให้ปิดประกาศไว้หน้าศาลและที่อยู่ของผู้ประกันให้ส่งตัวจำเลย แสดงให้เห็นว่าผู้ประกันมิได้เอาใจใส่ต่อหน้าที่ของตนในนัดวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๑๗ ก็เช่นเดียวกันผู้ประกันมิได้มาศาล ศาลออกหมายนัดส่งให้ผู้ประกันได้รับแต่วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๑๗ ว่าศาลนัดเลื่อนคดีไปในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๗ แต่ในวันนั้นจำเลยและผู้ประกันมิได้มาศาล ไม่ได้แจ้งข้อขัดข้องอย่างใดต่อศาลเลยถึงแม้ต่อมาจะปรากฏว่าจำเลยส่งจดหมายและใบรับรองของโรงพยาบาลแสดงว่าจำเลยป่วยไปยังทนายจำเลยก็ตาม แต่ผู้ประกันก็ละเลยต่อหน้าที่ไม่ไปศาลและแจ้งข้อข้ดข้องเท่าที่จะพึงทราบต่อศาลพฤติการณ์เช่นนี้เป็นการผิดสัญญาประกันแล้ว ศาลชอบที่จะสั่งปรับตามสัญญาประกันได้ แต่โดยที่คดีนี้ปรากฏว่า เมื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว โจทก์จำเลยได้ยอมความกันและโจทก์ถอนฟ้องศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีไปแล้ว จึงควรที่จะลดค่าปรับผิดสัญญาประกันให้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ปรับผู้ประกันเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์