คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697-3698/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ประชุมใหญ่วิสามัญของเจ้าของร่วมมีมติแต่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการของจำเลย ต่อมาจำเลยกับพวกยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่วิสามัญ โจทก์เป็นผู้คัดค้าน แล้วจำเลยในฐานะผู้ร้องและโจทก์ในฐานะผู้คัดค้านทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยผู้ร้องจะถอนฟ้องคดีอาญา ผู้คัดค้านจะถอนฟ้องคดีที่ศาลแรงงานและถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญา เมื่อผู้ร้องและผู้คัดค้านปฏิบัติเรียบร้อยแล้วผู้ร้องจะจ่ายเงินเดือน (ค่าจ้าง) ที่ค้างจ่ายให้ผู้คัดค้าน ศาลแพ่งมีคำพิพากษาตามยอม (คดีถึงที่สุด) คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันคู่ความและสัญญาประนีประนอมยอมความถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษา เมื่อจำเลยในฐานะผู้ร้องที่ 1 ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่จ่ายค่าจ้างค้างจ่ายให้โจทก์ในฐานะผู้คัดค้านตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีเอาแก่จำเลยให้จ่ายค่าจ้างค้างจ่ายตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีนั้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่เป็นเงินจำนวนเดียวกับที่จำเลยต้องจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันตามที่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นคดีนี้อีก

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 127,651.54 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า คณะกรรมการของจำเลยเคยมีหนังสือตักเตือนโจทก์เรื่องการทำงานและเวลาการทำงาน 7 ฉบับ ต่อมาวันที่ 12 กรกฎาคม 2556 คณะกรรมการมอบหมายให้นางสาวดวงกมล พนักงานบัญชีของจำเลยจดบันทึกเวลาการทำงานของโจทก์จนถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2556 ในระหว่างมีการจดบันทึกการทำงานนั้นจำเลยยังมีหนังสือตักเตือนโจทก์เรื่องเวลาทำงานอีก 2 ฉบับ โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์มีหนังสือชี้แจงเรื่องการทำงานและเวลาทำงานตามที่ถูกตักเตือน จำเลยกับพวกเคยเป็นผู้ร้องขอเพิกถอนมติที่ประชุม โดยโจทก์เป็นผู้คัดค้านในคดีหมายเลขดำที่ 1044/2556 หมายเลขแดงที่ 3713/2556 ของศาลแพ่ง แล้วโจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2556 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาตามยอมและคดีถึงที่สุดแล้ว ข้อ 1 โจทก์จะดำรงตำแหน่งถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ข้อ 5 หากโจทก์จำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว จำเลยจะจ่ายเงินเดือนที่ค้างให้โจทก์ ข้อ 7 โจทก์ต้องปฏิบัติงานในหน้าที่ผู้จัดการนิติบุคคลของจำเลยอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง ตามที่โจทก์แจ้งในใบสมัคร ถ้าไม่ทำงานวันละ 2 ชั่วโมง หรือทำงานไม่ครบตามกำหนดโจทก์ขอให้หักเงินได้ตามส่วน แล้ววินิจฉัยว่า ก่อนวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ทำงานไม่ครบ 2 ชั่วโมง และบางวันก็ไม่ได้มาทำงาน พอถือได้ว่าจำเลยยังไม่เคร่งครัดเรื่องเวลาทำงานและจำเลยมีเจตนาจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายให้โจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าจ้างค้างจ่ายตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 ถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2556 (วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ) เป็นเวลา 3 เดือน 28 วัน เป็นเงิน 98,333.24 บาท ข้อ 7 จำเลยมีความประสงค์จะเคร่งครัดเรื่องเวลาทำงานกับโจทก์นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นต้นไป โจทก์จำเลยเข้าใจตรงกันว่าโจทก์ในฐานะลูกจ้างมีหน้าที่ต้องเข้าปฏิบัติงานในสำนักงานของจำเลยอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยว่าจำเลยต้องรับผิดชำระค่าจ้างค้างให้แก่โจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยไม่โต้แย้งกันได้ความว่าที่ประชุมใหญ่วิสามัญของเจ้าของร่วมครั้งที่ 1/2556 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 มีมติแต่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการของจำเลย โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 25,000 บาท ต่อมาจำเลยกับพวกรวม 4 คน เป็นผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 1/2556 โจทก์เป็นผู้คัดค้านตามคดีหมายเลขดำที่ 1044/2556 หมายเลขแดงที่ 3713/2556 ของศาลแพ่งวันที่ 28 สิงหาคม 2556 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นผู้ร้องทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ซึ่งเป็นผู้คัดค้านตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีข้อความระบุว่า
ข้อ 2 ผู้ร้องจะถอนฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อ.2497/2556 ของศาลอาญาภายใน 7 วัน และนำสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องมาให้ผู้คัดค้าน
ข้อ 3 ผู้คัดค้านจะถอนฟ้องคดีหมายเลขดำที่ 2654/2556 ของศาลแรงงานกลางภายใน 7 วัน และนำสำเนาคำขอถอนฟ้องให้ผู้ร้องที่ 2 และที่ 3
ข้อ 4 ผู้คัดค้านจะถอนคำร้องทุกข์คดีที่ผู้คัดค้านร้องทุกข์นายณัฐวุฒิ ในคดีอาญาภายใน 7 วัน และนำสำเนาบันทึกประจำวันที่ถอนคำร้องทุกข์มอบให้ผู้ร้องที่ 2 และที่ 3
ข้อ 5 เมื่อผู้ร้องและผู้คัดค้านปฏิบัติตามข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 เรียบร้อยแล้ว ผู้ร้องจะจ่ายเงินเดือนที่ค้างให้แก่ผู้คัดค้านภายใน 7 วัน ซึ่งศาลแพ่งมีคำพิพากษาตามยอมและคดีถึงที่สุดแล้ว ทั้งได้ความจากคำเบิกความโจทก์ว่า โจทก์ซึ่งเป็นผู้คัดค้านในคดีหมายเลขแดงที่ 3713/2556 ของศาลแพ่งถอนฟ้องคดีแรงงานและถอนคำร้องทุกข์พร้อมทั้งนำส่งสำเนาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 3 และข้อ 4 แล้ว แต่จำเลยซึ่งเป็นผู้ร้องที่ 1 ก็ไม่จ่ายค่าจ้าง (เงินเดือน) ที่ค้างจ่ายให้โจทก์ ยังคงค้างจ่ายตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 รวมเป็นเงิน 200,000 บาท เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2556 ถึงเดือนธันวาคม 2556 รวมเป็นเงิน 200,000 บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนเดียวกับที่จำเลยต้องจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันตามที่โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีหมายเลขแดงที่ 3713/2556 ของศาลแพ่งและศาลแพ่งมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง และสัญญาประนีประนอมยอมความถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษา เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ร้องที่ 1 ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 5 โดยไม่ยอมจ่ายค่าจ้างค้างจ่าย โจทก์ชอบที่จะบังคับเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้ร้องที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ 3713/2556 ของศาลแพ่ง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้จ่ายค่าจ้างค้างจ่ายเป็นคดีนี้ ส่วนประเด็นเรื่องจำเลยเคร่งครัดเวลามาทำงานของโจทก์ตั้งแต่เมื่อใดและฟ้องซ้ำหรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยอีกต่อไป
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share