แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะคิดว่าพลตำรวจม้วนเป็นคนร้ายงัดห้องแต่จำเลยก็มิได้เจตนาจะยิงคนร้ายจำเลยเพียงแต่ยิงเพื่อขู่โดยไม่เห็นตัวและได้ยิงลงต่ำ ไม่ประสงค์ให้ถูกใครหากแต่เผอิญกระสุนไปถูกไม้คร่าวจึงแฉลบไปถูกพลตำรวจม้วนเข้าถือว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าหรือแม้แต่เจตนาจะทำร้ายพลตำรวจม้วนเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงพลตำรวจม้วนโดยเจตนาฆ่า เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้าย กระสุนปืนถูกพลตำรวจม้วนที่ขาซ้ายจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการพยายามฆ่าพลตำรวจม้วนโดยเข้าใจว่าเป็นคนร้าย แต่ได้ทำไปโดยป้องกันสิทธิของตนเกินสมควรกว่าเหตุพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 60, 53 จำคุก 1 ปี แต่ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตาม มาตรา 41, 42 ที่แก้ไขแล้ว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยเข้าใจผิดว่าพลตำรวจม้วนเป็นผู้ร้ายงัดประตูร้านของจำเลย ถือได้ว่าสำคัญผิดในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 จำเลยเพียงแต่ยิงขู่ลงต่ำ หากแต่กระสุนปืนถูกไม้คร่าวแล้วแฉลบทะลุสังกะสีออกไปถูกพลตำรวจม้วนเข้า การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิด จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยไม่ได้เจตนายิงพลตำรวจม้วนเลย เพราะแม้จำเลยจะคิดว่าพลตำรวจม้วนเป็นคนร้ายงัดห้อง แต่จำเลยก็มิได้เจตนาจะยิงคนร้ายเป็นแต่ยิงเพื่อขู่ไปโดยไม่เห็นตัวและได้ยิงไปต่ำ เห็นได้ว่าไม่ประสงค์ให้ถูกใคร หากแต่เผอิญกระสุนไปถูกคร่าว จึงแฉลบไปถูกพลตำรวจม้วนเข้า ถือว่าจำเลยไม่ได้เจตนาฆ่า
พิพากษายืน