คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5084/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาเรียงกระทงลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 10 ปี และฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษา แก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 8 ปี ลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 8 ปี จึงเป็นกรณีที่ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปี จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบา เป็นฎีกาโต้เถียง ดุลพินิจในการกำหนดโทษซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91กับให้ริบของกลางและคืนธนบัตรฉบับละ 20 บาท หมายเลข 9 จ 9293084จำนวน 1 ฉบับ ที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าพนักงาน

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 10 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 10 ปีรวมจำคุก 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก10 ปี ริบของกลางยกเว้นอุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีน ส่วนธนบัตรฉบับละ20 บาท หมายเลข 9 จ 9293084 จำนวน 1 ฉบับ ที่ใช้ล่อซื้อให้คืนแก่เจ้าพนักงานคำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษฐานจำหน่ายและฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกกระทงละ 8 ปี ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 8 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นพิพากษาเรียงกระทงลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 10 ปี และฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 10 ปีศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 8 ปี ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 8 ปี จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบา เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”

พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share