คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5077/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำการปลอมปนน้ำมัน จำเลยเพียงแต่รับน้ำมันมาขายเท่านั้นเป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้วทั้งยังเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ซึ่งเป็นปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
การที่จำเลยเป็นผู้ค้าน้ำมันกระทำการปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนทั่วไปอย่างมากมาย ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษให้นั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2521 ได้กระทำการปลอมปนน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 91 ซึ่งเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายเพื่อจำหน่าย อันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายและจำเลยได้จำหน่ายน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 91 อันเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำเลยปลอมปนดังกล่าว และมีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้แก่ประชาชนทั่วไป อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงพาณิชย์ และโดยจำเลยไม่ได้รับการผ่อนผันเป็นการชั่วคราวจากรัฐมนตรีซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2521 มาตรา 4, 6 ทวิ, 13, 21, 25 ตรีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2521 มาตรา 4, 6 ทวิ, 13 วรรคสาม, 21, 25 ตรี (ที่ถูกมาตรา 25 ตรี วรรคสอง) เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นผู้ค้าน้ำมันกระทำการปลอมปนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจำหน่าย จำคุก 8 เดือน ฐานจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมีคุณภาพต่ำกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด จำคุก 2 เดือน รวมสองกระทงจำคุก 10 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 5 เดือน พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีจากสำนวนการสอบสวนและรายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว เห็นว่า จำเลยซึ่งได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ค้าน้ำมันเคยถูกเจ้าพนักงานตักเตือนเรื่องจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งมีคุณภาพต่ำมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่มากระทำผิดอีกโดยไม่เข็ดหลาบ การกระทำของจำเลยเป็นการแสวงหากำไรโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดแก่ประชาชนทั่วไปจึงไม่ควรรอการลงโทษ

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำการปลอมปนน้ำมันจำเลยเพียงแต่รับน้ำมันมาขายเท่านั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งยังเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นฎีกาซึ่งเป็นปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าสมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่า การกระทำผิดของจำเลยเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนทั่วไปอย่างมากมายที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษให้นั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share