แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้ง ก. และ พ. เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ก. มิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่ถูกกระทบสิทธิโดยคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถือว่า ก. เป็นบุคคลภายนอกคดีไม่อยู่ในฐานะที่จะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อขอให้ตั้ง ก. เป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียวได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นมารดาโดยชอบธรรมด้วยกฎหมายของนายสมาน ประจวบมี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2534 นายสมานถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุเส้นโลหิตแตก ก่อนตายมีทรัพย์สินหลายรายการตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องหมายเลข 3 ผู้ร้องประสงค์จะรับโอนทรัพย์มรดกของผู้ตายดังกล่าวแต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดการให้ได้ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งนางโกมินทร์ แย้มสว่าง บุตรผู้ร้องซึ่งเป็นพี่สาวของผู้ตายให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านอยู่กินฉันสามีภริยากับนายสมาน ประจวบมี ผู้ตาย โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสเป็นเวลาประมาณ 14 ถึง 15 ปี ระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยาได้ร่วมกันทำมาหากิน บัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องของผู้ร้องนั้นเป็นทรัพย์ที่ผู้คัดค้านและผู้ตายทำมาหากินได้ร่วมกัน ผู้คัดค้านจึงถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ผู้ร้องและนางโกมินทร์มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ขอให้มีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องและมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นางโกมินทร์ แย้มสว่างและนางพรรณิภา บุญลือ ผู้คัดค้านร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกไม่มีพินัยกรรมของนายสมาน ประจวบมี ผู้ตาย ให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
นางโกมินทร์ แย้มสว่าง ผู้จัดการมรดกอุทธรณ์ขอให้ตั้งนางโกมินทร์เป็นผู้จัดการมรดกเพียงผู้เดียว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นางโกมินทร์ แย้มสว่าง ผู้จัดการมรดกฎีกาขอให้ตั้งนางโกมินทร์ เป็นผู้จัดการมรดกเพียงผู้เดียว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นสมควรยกปัญหาเรื่องผู้มีสิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาขึ้นวินิจฉัยก่อนว่า นางโกมินทร์ แย้มสว่างผู้จัดการมรดกมีสิทธิยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งนางโกมินทร์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายผู้ร้องจึงเป็นคู่ความในคดีนี้ ส่วนนางโกมินทร์มิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่ถูกกระทบสิทธิโดยคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่อย่างใด ถือว่า นางโกมินทร์ เป็นบุคคลภายนอกคดีไม่อยู่ในฐานะที่จะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า ผู้คัดค้านมิได้ฎีกาหรือยื่นคำแก้ฎีกาในประเด็นข้อนี้ว่า ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยหรือไม่ เห็นว่านางโกมินทร์มีอำนาจฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกาหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา 246, 247 ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของนางโกมินทร์และศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของนางโกมินทร์ไว้เป็นการมิชอบ”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และฎีกาของนางโกมินทร์ แย้มสว่าง ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น