คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3188/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดซึ่งเป็นของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ขายตามคำสั่งศาลโจทก์ซึ่งเป็นผู้ชนะคดีมิใช่เป็นผู้ขาย จึงไม่ต้องห้ามมิให้เข้าสู้ราคาตามมาตรา 512 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ย่อยาว

เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดหลักทรัพย์ของจำเลยเพื่อบังคับคดี โจทก์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขายให้โจทก์จำเลยยื่นคำร้องว่าราคาขายต่ำไป และประกาศขายทอดตลาดไม่ได้ระบุว่าผู้ขายประสงค์จะเข้าสู้ราคาด้วยเป็นการไม่ชอบ ศาลชั้นต้นยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ว่า โจทก์มีสิทธิเข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 512 บัญญัติ ห้ามมิให้ผู้ขายเข้าสู้ราคาเอง หรือใช้ให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าสู้ราคา เว้นแต่จะได้แถลงไว้โดยเฉพาะในคำโฆษณาบอกการทอดตลาดว่าผู้ขายถือสิทธิจะเข้าสู้ราคาด้วยก็ตาม แต่การขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนี้เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลชั้นต้นดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดตามคำสั่งศาลตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 306 ซึ่งบัญญัติว่า “เมื่อได้ยึด…อสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดหรือบางส่วนของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ให้เจ้าพนักงานบังคับคดียื่นคำขอต่อศาลขอให้สั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้น ฯลฯ”และมาตรา 308 บัญญัติว่า “เมื่อศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ขายแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดได้ ฯลฯ” ดังนี้จึงเห็นได้ว่าการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดซึ่งเป็นของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ขายตามคำสั่งศาล โจทก์ซึ่งเป็นผู้ชนะคดีมิใช่เป็นผู้ขาย โจทก์จึงหาต้องห้ามมิให้เข้าสู้ราคาตามมาตรา 512 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังที่จำเลยฎีกาไม่ เพราะบทบัญญัติดังกล่าวห้ามเฉพาะผู้ขายมิให้เข้าสู้ราคาเองเท่านั้น ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาอีกประการหนึ่งว่า การที่จำเลยจะหาผู้ที่อยู่ในฐานะจะเข้าประมูลสู้ราคาทรัพย์ ซึ่งมีราคานับล้านบาทภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน เป็นระยะเวลาที่น้อยมาก หากให้โอกาสแก่จำเลยมากกว่านี้จำเลยก็ย่อมจะหาผู้อื่นเข้าประมูลสู้ราคาได้ และย่อมได้ราคาสูงกว่าที่ขายให้โจทก์แน่นอน จึงขอให้มีคำสั่งประกาศขายใหม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าในการขายทอดตลาดทรัพย์คดีนี้ ได้มีการประกาศขายรวม 13 ครั้ง และมีผู้เข้าสู้ราคาเพียง 3 ครั้ง ทั้งโจทก์ผู้เข้าสู้ราคาเป็นผู้ให้ราคาสูงสุด 2 ครั้งแล้ว แต่จำเลยก็แถลงคัดค้านว่ายังต่ำอยู่อีก และแถลงต่อศาลรับรองว่าจะจัดหาผู้อื่นมาสู้ราคาด้วย แต่จำเลยก็ไม่สามารถจัดหาผู้อื่นมาสู้ราคาในราคาที่สูงกว่าโจทก์ผู้ให้ราคาสูงสุดแต่ละครั้งได้ เมื่อโจทก์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุดเป็นเงินจำนวน 1,490,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีเพียง 130,000 บาท มิได้ต่ำกว่าราคาประเมินมากนักหากจะให้โอกาสจำเลยหาผู้อื่นมาสู้ราคาดังที่จำเลยฎีกาขึ้นมาอีกก็ไม่แน่นอนว่าจำเลยจะหามาได้หรือไม่ และจะได้ราคาสูงกว่าราคาที่ขายให้แก่โจทก์หรือไม่ ดังนั้นที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าราคาประมูลพอสมควรจึงตกลงขายไป และศาลล่างทั้งสองก็เห็นว่าราคาพอสมควรแล้วนั้นจึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share