คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5066/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องให้จำเลยเช่าซื้อไป โดยจำเลยไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาจนผู้ร้อง บอกเลิกสัญญาแล้วนั้น เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าผู้ร้องมาขอรถจักรยานยนต์คืนเพื่อประโยชน์ของจำเลยแล้ว แม้สัญญาเช่าซื้อมีข้อความระบุว่า หากทรัพย์ที่เช่าซื้อถูกริบ ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินที่เหลือจนครบก็ตาม ก็เป็นเงื่อนไขในสัญญาระบุเกี่ยวกับความรับผิดที่ผู้เช่าซื้อมีต่อผู้ให้เช่าซื้อเท่านั้น อันเป็นเงื่อนไขที่กำหนดกันไว้ได้ตามกฎหมายเช่นเงื่อนไขที่ให้สิทธิแก่ผู้ให้เช่าซื้อ ซึ่งผู้ให้เช่าซื้อจะใช้หรือไม่ก็ได้ การที่ผู้ให้เช่าซื้อไม่ใช้สิทธิดังกล่าว แต่มาขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนนั้น หาถือว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยอันเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตไม่

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๓๕ ทวิ และให้ริบของรถจักรยานยนต์ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลาง โดยจำเลยเช่าซื้อไปจากผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้ศาลมีคำสั่งคืนรถจักรยานยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง
โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์ของกลาง และรู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำผิดของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายบุญทิม พนักงานของผู้ร้องซึ่งมีหน้าที่ทำสัญญาเช่าซื้อให้ลูกค้าและเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้ร้องให้ดำเนินคดีนี้ยืนยันว่า เดิมรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของนายสนั่นนายสนั่นได้ขายให้แก่ผู้ร้องโดยยังไม่ได้โอนทะเบียนกัน ต่อมาผู้ร้องได้ทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อไป จึงได้จัดการโอนทะเบียนมาเป็นของผู้ร้อง ใบคู่มือการจดทะเบียนรถก็มีรายการของรถที่จดทะเบียนว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้อง เอกสารนี้เป็นเอกสารราชการเมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านหรือนำสืบให้เห็นว่าเป็นเอกสารที่ไม่ถูกต้องอย่างใด ต้องถือว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริงคดีจึงฟังได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้อง แม้จะได้ความว่าผู้ร้องทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อไปเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๓๑ส่วนใบคู่มือการจดทะเบียนรถระบุว่า นายสนั่นโอนให้ผู้ร้องเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๓๑ ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อกันแล้วก็ตาม ก็หาทำให้การซื้อขายเสียไปหรือเป็นพิรุธแต่อย่างใดไม่เนื่องจากใบคู่มือการจดทะเบียนรถไม่ใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์เพียงแต่เป็นเอกสารเพื่อแสดงว่าผู้มีชื่อในรายการจดทะเบียนเป็นเจ้าของรถเท่านั้น และการโอนชื่อกันทางทะเบียนจะกระทำกันเมื่อไรก็ได้ เมื่อรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องได้ให้จำเลยเช่าซื้อไป และจำเลยไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาจนผู้ร้องบอกเลิกสัญญาแล้วเช่นนี้ ทางพิจารณาก็ไม่ได้ความว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจ ในการที่จำเลยนำรถไปกระทำความผิดคดีนี้ เนื่องจากรถอยู่ในความครอบครองของจำเลยพฤติการณ์ที่จะแสดงว่าผู้ร้องมาขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนโดยไม่สุจริตก็ไม่มี เพราะไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมาขอรถคืนเพื่อประโยชน์ของจำเลย ที่สัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันมีข้อความระบุว่า หากทรัพย์ที่เช่าซื้อถูกริบผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินที่เหลือจนครบนั้น เป็นเงื่อนไขในสัญญาระบุเกี่ยวกับความรับผิดชอบที่ผู้เช่าซื้อมีต่อผู้ให้เช่าซื้อเท่านั้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กำหนดกันไว้ได้ตามกฎหมาย เป็นเงื่อนไขที่ให้สิทธิแก่ผู้ให้เช่าซื้อจะใช้ก็ได้หรือไม่ใช้ก็ได้ การที่ผู้ให้เช่าซื้อไม่ใช้สิทธิดังกล่าวแต่มาขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนก็มีสิทธิที่จะทำได้ไม่ถือว่าการมาขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยอันเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตซึ่งผู้ร้องผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิที่จะกระทำได้แต่ประการใดเมื่อคดีฟังได้ว่า รถจักรยานยนต์ของกลางที่ศาลชั้นต้นสั่งริบเป็นของผู้ร้อง และผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยนำไปกระทำความผิดคดีนี้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิที่จะมาขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนได้
พิพากษากลับ ให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง.

Share