แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เสียหายยื่นฟ้องจำเลยไว้ในคดีความผิดต่อส่วนตัวและยังอยู่ในระหว่างไต่ส่วนมูลฟ้องเมื่ออัยยการยื่นฟ้องจำเลยเพราะผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้ ผู้เสียหายจึงขอถอนฟ้องของตนเพื่อรวมเป็นโจทก์ในสำนวนของอัยยการดังนี้ เป็นเรื่องขอรวมคดีหาใช่เป็นการถอนฟ้องเด็ดขาดตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.36 ไม่.
ย่อยาว
เดิมนายกิมบิดาผู้เสียหายได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่ากระทำอนาจารผู้เสียหายยังอยู่ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง ศาลยังไม่ได้ประทับรับฟ้อง เมื่ออัยยการยื่นฟ้องจำเลยในคดีนี้ นายกิมบิดาผู้เสียหายจึงขอถอนฟ้องเสียแล้วทำคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยยการ
จำเลยให้การตัดฟ้องโจทก์ว่าไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องได้อีก เพราะคดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายเคยฟ้องจำเลยและได้ถอนฟ้องไปแล้ว
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีความผิดส่วนตัวในเรื่องหาว่า กระทำอนาจารเช่นนี้ อัยยการมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้เพราะผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญา ม.๒๕๘ แล้ว การที่ผู้เสียหายถอนฟ้องคดีของตนเสียก็เพื่อรวมเป็นโจทก์ในสำนวนเดียวกับอัยยการ จึงเป็นเรื่องขอคดี หาใช่ถอนฟ้องเด็ดขาดดังความหมายใน ม.๓๖ ประมวลวิธีพิจารณาอาญาไม่ อัยยการจึงมีอำนายฟ้องจำเลยและผู้เสียหายมีอำนาจขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้ ข้อตัดฟ้องของจำเลยฟังไม่ขึ้น