แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมโจทก์ฟ้องขอให้บุคคลภายนอกโอนที่ดิน น.ส.3 ซึ่งมีชื่อ ว. เป็นเจ้าของให้แก่โจทก์ ศาลได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้วโดยศาลวินิจฉัยว่าแม้จะฟังว่าที่ดินเป็นของโจทก์ก็ไม่อาจบังคับตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ เช่นนี้ศาลยังมิได้พิพากษาว่าที่ดินตามฟ้องเป็นของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานจัดการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามคำพิพากษาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนายอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยเป็นเจ้าพนักงานจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินเป็นผู้ทำการแทนจำเลยที่ ๑ เกี่ยวกับการจดทะเบียนดังกล่าวเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๒๘ ศาลจังหวัดมหาสารคามได้มีคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วเชื่อว่าโจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่ดิน ๔ แปลง ตั้งอยู่ตำบลนาสีนวล อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม มีชื่อนายวิโรจน์ วงสีสา ซึ่งตายไปแล้วอยู่ในทะเบียน โจทก์ได้นำคำพิพากษาดังกล่าวพร้อมเอกสารต่าง ๆ ไปยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจากชื่อนายวิโรจน์ วงสีสา เป็นชื่อโจทก์ แต่จำเลยที่ ๒ ไม่จัดการให้อ้างว่าศาลไม่ได้สั่งให้แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจัดการจดทะเบียนโอนที่ดิน ๔ แปลงจากนายวิโรจน์ วงสีสา เป็นชื่อของโจทก์แต่ผู้เดียว
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า คำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๗๕/๒๕๒๘ ของศาลจังหวัดมหาสารคาม ได้พิพากษาว่าที่ดินตามฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ คดีถึงที่สุด จำเลยทั้งสองไม่ยอมทำพินัยกรรมจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองนั้น มีปัญหาวินิจฉัยว่าคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ได้พิพากษาว่าที่ดินตามฟ้องเป็นของโจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีดังกล่าวโจทก์ฟ้องเรียกที่ดินตาม น.ส.๓ ทะเบียนเล่ม ๕๑ หน้า ๑๗ ทะเบียนเลขที่ ๖๖๑ เลขที่ดิน ๕๓ ทะเบียนเลขที่ ๗๐๔ เลขที่ดิน ๙๗ และทะเบียนเลขที่ ๗๐๒ เลขที่ดิน ๙๕ ตำบลนาสีนวล อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งมีชื่อนายวิโรจน วงสีสา คืนจากนายสงค์ วงสีสา กับพวกจำเลย ขอให้จำเลยโอนที่ดิน น.ส.๓ ทะเบียนเล่มที่ ๕๑ หน้า ๑๗ น.ส.๓ ก. เลขที่ ๖๖๑ เลขที่ดิน ๖๖๑ เลขที่ดิน ๕๓ น.ส. ๓ ก. ทะเบียนเลขที่ ๗๐๔ เลขที่ดิน ๙๗ ให้โจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวหากจำเลยไม่ทำตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแสดงเจตนาแทนจำเลยกับให้ จำเลยแบ่งที่ดินตาม น.ส.๓ ก. ทะเบียนเลขที่ ๗๐๒ เลขที่ดิน ๙๕ ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากไม่กระทำตามให้ศาลมีคำสั่งนำที่ดินออกขายทอดตลาด แล้วนำเงินมาแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีถึงที่สุด เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษาว่าที่ดินตามฟ้องเป็นของโจทก์ เพียงแต่วินิจฉัยว่าแม้จะฟังว่าเป็นของโจทก์ก็ไม่อาจบังคับตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้เท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยในคดีนี้จัดการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามคำพิพากษาดังกล่าวได้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน