แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบรถแทรกเตอร์ จำนวน 1 คันไปจากโจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์นำรถแทรกเตอร์ มามอบให้จำเลยเพื่อตีราคาชำระหนี้ แต่โจทก์จำเลยตกลงราคากันไม่ได้ จำเลยจึงยึดหน่วงรถไว้เป็นหลักประกัน ดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ได้นำรถแทรกเตอร์ ไปมอบให้แก่จำเลยเพียงคันเดียวและครั้งเดียว จำเลยเข้าใจดีแล้วว่ารถแทรกเตอร์ คันที่ได้รับมอบจากโจทก์เป็นรถคันพิพาทและได้ให้การต่อสู้คดีอย่างถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์นำรถพิพาทไปตีชำระหนี้เงินกู้แก่จำเลย แต่ตกลงราคารถกันไม่ได้ ดังนี้ จำเลยต้องคืนรถพิพาทให้โจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถไว้เป็นประกัน เพราะไม่มีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยรถคันพิพาทที่จำเลยครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 241
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยส่งมอบรถพิพาทคืนให้โจทก์ จำเลยให้การว่าโจทก์นำรถพิพาทมาตีชำระหนี้แก่จำเลย ดังนี้ จำเลยจะฎีกาว่าเป็นเรื่องหักกลบลบหนี้ไม่ได้ เพราะการหักกลบลบหนี้กับเรื่องนำทรัพย์มาตีชำระหนี้เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้เรื่องการหักกลบลบหนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนี้ให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบรถแทรกเตอร์แบบแคตเตอร์พิลล่าชนิดตัด ๙๕๕ เค จำนวน ๑ คันไปจากโจทก์ ตกลงว่าจะเอาไปทดลองขับ หากพอใจจำเลยจะซื้อ หากไม่ซื้อจะส่งคืนภายใน ๑ สัปดาห์ แต่เมื่อครบกำหนด จำเลบยเพิกเฉยไม่คืนรถให้โจทก์ ขอให้จำเลยส่งมอบรถคืนให้โจทก์ในสภาพเดิม หรือส่งมอบพร้อมทั้งชำระค่าเสื่อมสภาพหากคืนไม่ได้ให้ชำระราคา จำนวน ๓๕๐,๐๐๐ บาท ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์อัตราวันละ ๑,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่จำเลยได้รับรถไปจนกว่าโจทก์จะได้รับรถคืนหรือได้รับชำระราคา
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่เคยตกลงขอนำรถแทรกเตอร์ไปทดลองขับ โจทก์นำรถแทรกเตอรืมามอบให้จำเลยเพื่อตีราคาชำระหนี้แก่จำเลย แต่ตกลงราคากันไม่ได้ จำเลยนจึงยึดหน่วงรถไว้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้ โจทก์ไม่สุจริต ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งรถแทรกเตอร์คืนโจทก์ พร้อมค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยอีกร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงิน ๑๕๐,๐๐๐บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบรถคืน หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา ๑๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนวก่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องชำระค่าเสียหายคิดเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องเพียงระบุว่า จำเลยได้รับมอบรถแทรกเตอร์แบบแคตเตอร์พิลล่า ชนิดตัก๙๕๕ เค จำนวน ๑ คัน ไปจากโจทก์ จำเลยไม่สามารถทราบได้เลยว่ารถแทรกเตอร์คันดังกล่าวเป็นรถคันพิพาทหรือไม่ ฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุมนั้น พิเคราะห์แล้วจำเลยได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์นำรถแทรกเตอร์มามอบให้จำเลยเพื่อตีราคาชำระหนี้จำเลย แต่โจทก์จำเลยตกลงกันไม่ได้ จำเลยจึงยึดหน่วงรถไว้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้ เห็นว่าโจทก์ได้นำรถแทรกเตอร์ไปมอบให้แก่จำเลยเพียงคันเดียวและครั้งเดียวเท่านั้นและจำเลยได้ให้การต่อสู้ไว้ อย่างถูกต้องรถแทรกเตอร์คันที่จำเลยได้รับมอบจากโจทก์จึงเป็นรถคันพิพาทซึ่งจำเลยก็เข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมจำเลยฎีกาต่อมาว่า โจทก์นำรถคันพิพาทมาตีชำระหนี้จำเลยโจทก์จำเลยจึงมีมูลหนี้ที่จะหนักกลบลบหนี้กัน จำเลยมีสิทธิยึดหน่วงรถคันพิพาทเป็นประกันหนี้ได้นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่โจทก์นำรถคันพิพาทไปตีชำระหนี้เงินกู้แก่จำเลยนั้นเมื่อโจทก์จำเลยตกลงราคารถคันพิพาทกันไม่ได้ จำเลยก้ต้องคืนรถคันพิพาทให้แก่โจทก์จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถไว้เป็นประกันหนี้ เพราะไม่มีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยรถคันพิพาทที่จำเลยครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๔๑ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าเป็นเรื่องหักกลบลบหนี้นั้น เรื่องการหักกลบลบหนี้กับเรื่องนำทรัพย์มาตีชำระหนี้เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งจำเลยมิได้ให้การต่อสู้เรื่องการหักกลบลบหนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนี้ให้
พิพากษายืม